วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม 2568 11:15น.

บอร์ด TSTE ไฟเขียวทุ่มงบ 180 ล้านบาท ขยายธุรกิจอาหารและธุรกิจโซล่าร์

30 กันยายน 2022

        นายชนะชัย ชุติมาวรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล จำกัด (มหาชน) หรือ TSTE เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ และบริษัทย่อย ใช้งบลงทุนมูลค่า 180 ล้านบาท เพื่อลงทุนอาคารโรงงานและเครื่องจักร ขยายธุรกิจด้านขนมขบเคี้ยว (Snack) ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงาน คลังสินค้า

        โดยการลงทุนดังกล่าว บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ เพื่อขยายธุรกิจที่มีอยู่ ให้รองรับและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการลงทุนนั้นแบ่งเป็นส่วนแรกจำนวน 70 ล้านบาท จะใช้สำหรับเป็นการขยายธุรกิจด้านขนมขบเคี้ยว หลังจากเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการ บริษัท เนเจอร์เบสท์ฟู้ด จำกัด (Nature Best Food – NBF) บริษัทชั้นนำ ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสาหร่าย สาหร่ายปรุงรส ขนมขบเคี้ยวและอาหารสำเร็จรูป NBF ถือได้ว่าเป็นผู้ครองตลาด อันดับต้นๆ ของประเทศ ในกลุ่มลูกค้าอุตสาหรรมกรรมและร้านอาหาร (Business to Business )

        ขณะเดียวกันจากการดำเนินที่ผ่านมาในรอบ 3 เดือน โรงงานที่มีอยู่ เดินใกล้เต็มความสามารถในการผลิตให้กับลูกค้า บริษัทฯ จึงเล็งเห็นโอกาส ความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นในตลาดขนมขบเคี้ยว (Snack) และความต้องการสินค้าที่มีความหลากหลาย ทั้งในส่วนของตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติอนุมัติให้ลงทุนขยายโรงงานเพิ่มอีก 2 แห่ง โดยเป็นการปรับปรุงโรงงานเก่าและคลังสินค้าที่มีอยู่เดิมมาเป็นโรงงานแห่งที่ 2 และโรงงานแห่งที่ 3 ลงทุนติดตั้งเครื่องจักรสายการผลิตใหม่ โดยคาดว่าโรงงานใหม่ทั้ง 2 แห่ง จะสามารถเปิดดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 1/2566 และไตรมาส 3/2566 ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้ยอดขายในส่วนของสินค้าขนมขบเคี้ยว เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเดิมที่มีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 300 ล้านบาทต่อปี เป็น 600 ล้านบาทต่อปี

        นายชนะชัย กล่าวต่อไปว่าสำหรับการลงทุนส่วนที่ 2 จะเป็นการลงทุนขยายธุรกิจบรรจุและบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นเงินลงทุน 50 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทย่อยของบริษัทฯ มีสายการผลิตขวด ฝาและสายการบรรจุน้ำมันพืช ซึ่งมีรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการบรรจุน้ำมันพืชจากโรงกลั่นน้ำมันพืชของบริษัทฯ และรายได้อีกส่วนมาจากการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับ แบรนด์สินค้าต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยจุดเด่นของโรงงาน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท่าเรือส่งออกและใกล้กับกรุงเทพ ทำให้สะดวกและง่ายต่อการกระจายสินค้า ประกอบกับความต้องการบรรจุสินค้าในลักษณะ House Brand เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการรองรับปริมาณความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นและความต้องการรูปแบบสินค้าบรรจุภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย

        “คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติลงทุนขยายโรงงานเท่าตัว โดยปรับปรุงคลังสินค้าของบริษัทที่มีอยู่เดิม ติดตั้งสายการผลิตใหม่เพื่อให้มีบรรจุภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น โรงงานส่วนที่ขยายจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 2 ปี 2566 สามารถรองรับบรรจุผลิตภัณฑ์อาหารในสินค้าอื่น ที่ไม่จำกัดเฉพาะน้ำมันพืชและสามารถบรรจุในรูปแบบบรรจุภัณฑ์อื่น” นายชนะชัย กล่าว

        สำหรับการลงทุนในส่วนที่ 3 จะเป็นการลงทุนของบริษัทย่อย ในการติดตั้งแผงโซล่าร์บนหลังคาโรงงาน คลังสินค้า ในบริเวณท่าเรือและคลังสินค้า ของบริษัท ใช้งบลงทุนรวม 60 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีพื้นที่ทั้งหมด 150 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่ปู่เจ้าสมิงพราย จังหวัดสมุทรปราการ ใกล้กรุงเทพ พื้นที่จะประกอบด้วย ท่าเรือ โรงงานและคลังสินค้า เบื้องต้นบริษัทย่อยจะลงทุนแผงโซล่าร์ขนาดไม่เกิน 1 MW จำนวน 2 แผง (รวมไม่เกิน 2 MW) พร้อมปรับปรุงระบบสายส่งไฟ ไฟฟ้าที่ได้จากแผงโซล่าร์จะนำมาใช้เองในกระบวนการผลิตของบริษัท เพื่อเป็นการลดต้นทุนทางด้านพลังงาน คาดว่าระบบแผงโซลาร์ จะสามารถติดตั้งแล้วเสร็จกลางปี 2566


คลิปวิดีโอ