วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม 2568 21:13น.

บลจ.กสิกรไทยมองเศรษฐกิจโลกปี 2026 มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งใหญ่ตลาดการเงินผันผวน-เงินเฟ้อได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้า

18 ธันวาคม 2025

        บลจ.กสิกรไทย ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 2026 มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งใหญ่ ซู 3 ธีมการลงทุนเล่น 1) The New Industrial Revolution 2) The Great Rewiring และ 3) The income Diversifiers พร้อมแนะนำการจัด พอร์ตแบบ Core & Satellite Portfolio ผ่านกองทุนแนะนำครอบคลุมทุกซึมการลงทุน

        นายวิน พรหมแพทย์ CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย ชู 3 ธีมการลงทุนเด่นตามเมกะเทรนด์โลกที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุน ได้แก่ 1) The New Industrial Revolution การปฏิวัติอุตสาหกรรมใหม่ และภูมิทัศน์การลงทุนในยุคเปลี่ยนผ่าน 2) The Great Rewiring การเปลี่ยนแปลง ภูมิรัฐศาสตร์และโลกาภิวัฒน์ และ 3) The Income Diversifiers การสร้างกระแสรายได้หลากหลาย พร้อมชวนจัดพอร์ต แบบ Core & Satellite Portfolio ผ่านกองทุนแนะนำที่ครอบคลุมทุกธีมการลงทุนโดยผู้เชี่ยวชาญของ บลจ.กสิกรไทย เพื่อช่วย ให้ผู้ลงทุนรับมือความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในปี 2028 ได้อย่างมั่นใจ

        นายวินกล่าวต่อไปว่า บลจ.กสิกรไทย ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2026 จะมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างครั้งใหญ่ ตลาดการเงินมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้นจากเงินเฟ้อที่ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้า การแบ่งขั้วจากภูมิรัฐศาสตร์ และการค้า โลกที่แยกตัวเป็นภูมิภาค อีกทั้งนวัตกรรมและเทคโนโลยีได้กลายเป็นปัจจัยการผลิตหลักในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงควรเน้นความยืดหยุ่นให้กับพอร์ต เพื่อปรับตัวได้ทันตามเทรนด์โลก โดยเริ่มจากอิ่ม The New Industrial Revolution การปฏิวัติอุตสาหกรรมใหม่ให้ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech) ในฐานะปัจจัยการผลิตหลักของเศรษฐกิจยุคใหม่ การลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี จึงเป็นโอกาสการลงทุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงจากความคาดหวังที่สูง หากบริษัทเหล่านั้นไม่สามารถสร้างรายได้และกำไรได้ ตามที่คาด อาจก่อให้เกิดแรงกดดันต่อมูลค่าการลงทุนได้ จึงจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างโอกาสและความเสี่ยง โดยแนะนำ กองทุน K-ATECH ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และกองทุน K-GTECH ที่เน้นลงทุนในหุ้น ของบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกซึ่งได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างนี้

        ต่อด้วยเริ่ม The Great Rewiting กระแสโลกที่แบ่งขั้วทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังผลักดันให้หลายประเทศเร่งสร้างความมั่นคงทาง เศรษฐกิจ ทำให้เกิดแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของชาตินิยมทางเศรษฐกิจ (Economic Nationalism) และนำไปสู่การย้ายฐานการ ผลิตครั้งใหญ่เพื่อลดความเสี่ยง (Risk-Off) โดยประเทศเกิดใหม่ในเอเชียกำลังกลายเป็น Regional Champions ที่ได้รั ประโยชน์จากนโยบายการทั่วโลก โดยแนะนำกองทุน K-INDIA ที่เน้นลงทุนในหุ้นอินเดียซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูง และกองทุ K-VIETNAM ที่ลงทุนตรงในหุ้นเวียดนามและบางส่วนในหน่วยลงทุนที่เกี่ยวข้องกับประเทศเวียดนาม เพื่อรับประโยชน์จากภา ย้ายฐานการผลิตและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

        สุดท้ายคือธีม The Income Diversiters ในปีที่อนาคารทั่วโลกกำลังอยู่ในวัฏจักรการลดดอกเบี้ย และตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีมูลค่า ที่ค่อนข้างสูง การลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้เงินปันผลและรายได้สม่ำเสมอ เป็นอีกกลยุทธ์ที่จะช่วยสร้างโอกาสให้พอร์ตได้รับ ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ โดยแนะนำกองทุน K-GPIN ที่ลงทุนในหุ้นคุณภาพทั่วโลกพร้อมกลยุทธ์ขาย Call Options เพื่อเพิ่มรายได้, กองทุน K-PROPI ที่เน้นลงทุนในหุ้นและ REITS ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานทั้งในและ ต่างประเทศ และกองทุน K-VALUE ที่เน้นหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและจ่ายเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด ทั้งหมดนี้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพการเติบโตของพอร์ตในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ

       นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการบริหารสภาพคล่องในระยะสั้นหรือมากกว่า 1 ปี บลจ.กสิกรไทย ยังมีทางเลียกแทนการถือเงินสด โดยแนะนำกองทุน K-SF, K-SFPLUS, K-FIXEDPLUS และ K-FIXEDPRO ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชน และเงินฝากทั้งในและต่างประเทศ

        “สำหรับกลยุทธ์การจัดพอร์ดหลัก (Core Portfolio) บลจ.กสิกรไทย ขอเสนอ 2 ทางเลือก ได้แก่ ทางเลือกที่ 1: Ready to Move เป็นการลงทุนในกลุ่มกองทุน K-WealthPLUS Series ที่ยึดหลักการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ ทางเลือกทั่วโลก โดยร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบลจ.ชั้นนำระดับโลกอย่าง J.P. Morgan Asset Management เพื่อเสริมความมั่นใจ และเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนระยะยาว ยกตัวอย่างกองทุน K-WPBALANCED ที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างโดด เด่นเหนือ SET Index ถึง 5% ในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2568 (ที่มา: บลจ.กสิกรไทย ณ วันที่ 3 ธ.ค. 68) และ ทางเลือกที่ 2: Easy DIY เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนปรับสัดส่วนหุ้นและตราสารหนี้ด้วยตัวเอง ผ่านกองทุน K-GSELECT ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก และกองทุน K-GDBOND ที่เน้นลงทุนตราสารหนี้หลากหลาย ประเภททั่วโลก โดยมีเป้าหมายสร้างรายได้ในระดับที่น่าสนใจ” นายวินกล่าว

        นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite Portfolio นอกจากจะช่วยให้การลงทุนระหว่างทางมีประสิทธิภาพ แล้ว ยังเป็นการวางแผนชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีคุณภาพ โดยสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบลจ.กสิกรไทยสามารถปรับ พอร์ตให้เติบโตพร้อมรับการเกษียณได้ 2 ทางเลือก ได้แก่ 1) เลือกกองทุนในกลุ่ม K-WealthPLUS Series มาเป็น Core Portfolio ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยสมาชิกสามารถปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนได้ตามอายุหรือสถานะทางการเงินที่ เปลี่ยนแปลงไป (2) เลือกแผนการลงทุน Life Path Model ที่ผู้จัดการกองทุนจะปรับลดน้ำหนักสินทรัพย์เสี่ยงให้อัตโนมัติตาม อายุที่เพิ่มขึ้น โดยการลงทุนแบบ Lite Path จะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในช่วงใกล้เกษียณ เพื่อให้สมาชิก มีเงินใช้จ่ายยาวนานขึ้นหลังเกษียณ

 


คลิปวิดีโอ