วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน 2568 17:12น.

SFLEX โชว์ Q3 รายได้ 510 ลบ. กำไร 62 ลบ.

17 พฤศจิกายน 2025

        บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ เปิดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 กวาดรายได้ 510 ล้านบาท กำไร 62 ล้านบาท ปัจจัยหนุนจากจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ และคำสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวในระดับสูงที่ 24.4% จากการบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพ ฟากผู้บริหาร “ดร.สมโภชน์” ระบุเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เพื่อเสริมศักยภาพการผลิตและรองรับการเติบโตในปี 2569 พร้อมศึกษาการลงทุนในธุรกิจต้นน้ำ เพื่อควบคุมกระบวนการผลิต และลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

        ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) (SFLEX) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 510.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% จากไตรมาส 2/2568 ที่มีรายได้ 467.9 ล้านบาท ส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 24.4% และมีกำไรสุทธิ 62.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% จากไตรมาส 2/2568 ที่มีกำไร 53.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 12.1% 

         “ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2568 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ มีทั้งการเปลี่ยนรูปแบบ โครงสร้าง และลวดลายสีสรรต่างๆ ให้กับฐานลูกค้าเดิมตลอดเวลา ส่วนครึ่งปีหลังแนวโน้มยังมีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับคำสั่งซื้อในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่หมุนเวียนเร็ว ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูงในชีวิตประจำวันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นชัดเจน รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว เป็นปัจจัยสนับสนุนรายได้ของบริษัทฯ เติบโตต่อเนื่อง โดยอัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวในระดับ 24.4% จากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า Starprint Vietnam JSC จะลดลงเล็กน้อยเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอง(เวียดนาม) เกือบ 20% แต่ก็สามารถทำยอดขายได้สูงสุด (New High) ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา” ดร.สมโภชน์ กล่าว

         สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 4/2568 บริษัทฯ คาดว่าผลประกอบการจะยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายช่วงปลายปี โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอาหารและอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ SFLEX ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในทิศทางทรงตัวยังเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยลดต้นทุนเม็ดพลาสติก ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธภาพ แม้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ยังมีการแข่งขันสูงจากผู้เล่นรายใหม่ แต่ SFLEX ยังคงรักษาความได้เปรียบจากฐานลูกค้ารายใหญ่ที่มีความมั่นคง และการพัฒนาเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ จะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันและความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว

        ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่าปี 2568 เป็นช่วงสำคัญของการวางรากฐานเพื่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยมุ่งเน้นบริหารต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต อาทิ การบริหารจัดการด้านพลังงาน โดยการติดตั้ง Solar Rooftop , การบริหารการจัดหาวัตถุดิบ โดยการเพิ่มจำนวน Supplier เพิ่มอำนาจในการต่อรองด้านราคา และทางเลือกในการหาวัตถุดิบที่เหมาะสม รวมถึงการลงทุนในการผลิตฟิลม์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งช่วยทดแทนการนำเข้าหรือซื้อจากผู้ขายภายนอก พร้อมการลงทุนในเครื่องจักรใหม่ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้น

          โดยคาดว่าในปี 2569 จะเห็นภาพการเติบโตที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งจากบริษัทย่อยในต่างประเทศที่ตลาดกลับมาฟื้นตัว และการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง และบริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลธุรกิจต้นน้ำ ทั้งด้านการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี รวมถึง Strategic Partner หลายประเภทเพื่อสามารถควบคุมกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

         นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาลและแนวทาง ESG อย่างต่อเนื่อง โดยเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคมของสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยบริษัทฯ ได้บริจาคเครื่องช่วยหายใจ 4 เครื่อง และรถพยาบาลจำนวน 4 คัน ให้กับโรงพยาบาล 4 แห่ง รวมมูลค่าที่บริจาคตามโครงการนี้ประมาณ 14 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับรายการดังกล่าวเพิ่มเติมเป็นจำนวนเงินประมาณ 7 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตและสุขภาพของชุมชน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าแก่ผู้ถือหุ้น และขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่กับความยั่งยืนทางสังคมในระยะยาว


คลิปวิดีโอ