วันอาทิตย์ ที่ 7 กันยายน 2568 15:12น.

การเคหะฯ โชว์ผลงานปี 2568 “สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี”

7 กันยายน 2025

       การเคหะแห่งชาติเดินหน้าตามนโยบาย พม. 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร สู่การขับเคลื่อนพันธกิจสำคัญ 9 ด้าน ครอบคลุมทุกมิติ ผลักดันที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Complex) ที่อยู่อาศัยเช่าแนวใหม่ (Smart Home) และปรับปรุงทรัพย์สินอาคาร Sunk Cost และอาคารเก่า พร้อมยกระดับชุมชนต้นแบบสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

       นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ในปี 2568 การเคหะแห่งชาติได้ขับเคลื่อนงานตามแนวนโยบายของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ ผ่านนโยบายสำคัญ พม. 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร สู่การขับเคลื่อนพันธกิจสำคัญ 9 ด้าน ซึ่งใน 5 นโยบายหลักนั้น การเคหะแห่งชาติร่วมขับเคลื่อนนโยบายที่ 5 สร้างระบบนิเวศ (Eco-system) ที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาและสร้างโอกาสให้ทุกกลุ่มเป้าหมายและทุกช่วงวัย เข้าถึงที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมได้มาตรฐาน ในระดับราคาที่รับภาระได้ ทั้งซื้อและเช่า สร้างชุมชนให้มีความยั่งยืนทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม โดยมีการออกแบบเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อน ตามเกณฑ์การออกแบบและประเมินโครงการชุมชนยั่งยืน (NHA Eco-Village Standard) รวมถึงการออกแบบเพื่อรองรับการอยู่อาศัยของคนทั้งมวล ตามแนวทาง Universal Design (UD) เพื่อพัฒนา Sustainable Affordable Housing และเป็นที่อยู่อาศัย Resilient Housing ประกอบด้วย โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับทุกกลุ่มเป้าหมาย

        ขณะที่ Flagship 9 โครงการที่ต่อยอดนโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร การเคหะแห่งชาติ สนับสนุน Flagship ด้านที่ 3 สร้างงาน สร้างรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเปราะบาง ภายใต้โครงการปรับปรุงหรือสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบางเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน (บ้านสบายเพื่อยายตา) ในพื้นที่เป้าหมายนิคมสร้างตนเอง

         นายทวีพงษ์ กล่าวต่อว่า การเคหะแห่งชาติยังคงมุ่งเน้นวิสัยทัศน์ “สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี” โดยการเคหะแห่งชาติ คว้าอันดับ 1 หน่วยงานในสังกัด พม. ผลประเมิน ITA ปี 2568 ระดับ “ผ่านดี” คะแนน 98.66 เทียบกับปี 2567 เพิ่มขึ้น 2.22 คะแนน ที่ได้ 96.44 คะแนน ขณะที่ผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2519 จนถึงปัจจุบัน (กรกฎาคม 2568) ได้พัฒนาและจัดหาที่อยู่อาศัยรวมทั้งสิ้นจำนวน 754,999 หน่วย โครงการประกอบด้วย บ้านเอื้ออาทร จำนวน 280,567 หน่วย, เคหะชุมชน จำนวน 142,103 หน่วย, เคหะชุมชนและบริการชุมชน จำนวน 33,660 หน่วย, แก้ไขปัญหาชุมชนแออัด ทั้งปรับปรุงชุมชนที่ดินเดิมและจัดหาที่อยู่อาศัย จำนวน 233,964 หน่วย, พิเศษและบริการชุมชน จำนวน 3,980 หน่วย, เคหะข้าราชการ จำนวน 50,708 หน่วย, แก้ไขปัญหาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 258 หน่วย, ที่พักอาศัยสำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏ จำนวน 2,374 หน่วย, ช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ จำนวน 845 หน่วย, ฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง จำนวน 946 หน่วย, บ้านสวัสดิการข้าราชการ 606 หน่วย, และอาคารเช่าปี 2559-2560 จำนวน 4,371 หน่วย

        ด้านความคืบหน้าของ โครงการฟื้นฟูเมือง ประกอบด้วย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ที่ตั้งโครงการ ทิศเหนือติดถนนมิตรไมตรี ทิศใต้ติดบึงมักกะสัน ทิศตะวันออกติดถนนประชาสงเคราะห์ และทิศตะวันตกติดถนนวิภาวดีรังสิต โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. 2559 – 2567) เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2559 แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 ระยะ พัฒนาหน่วยพักอาศัยใหม่ทั้งสิ้น 20,292 หน่วย ประกอบด้วย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 (อาคาร G) รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม อาคารสูง 28 ชั้น จำนวน 334 หน่วย ก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2561 และบรรจุผู้อยู่อาศัย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม ได้แก่ โครงการอาคารพักอาศัยแปลง A (อาคาร A1) เป็นอาคารพักอาศัยสูง 32 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 635 หน่วย คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2569 โครงการอาคารพักอาศัยแปลง D1 เป็นอาคารพักอาศัยสูง 35 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 612 หน่วย สร้างเสร็จแล้วและทยอยบรรจุผู้อยู่อาศัยให้ครบภายในปี 2568 โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 3 รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม ได้แก่ โครงการอาคารพักอาศัยแปลง A (อาคาร A2 – A4) เป็นอาคารสูง 32 ชั้น รวม 3 อาคาร จำนวน 1,905 หน่วย จะเริ่มก่อสร้างภายหลังอาคาร A1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ โครงการอาคารพักอาศัยแปลง D1 (อาคาร D2) เป็นอาคารสูง 35 ชั้น จำนวน 612 หน่วย อยู่ระหว่างการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 2569 โครงการอาคารพักอาศัยแปลง C (อาคาร C1) เป็นอาคารพักอาศัยสูง 34 ชั้น จำนวน 816 หน่วย อยู่ระหว่างหาผู้รับจ้างก่อสร้าง และรองรับผู้อยู่อาศัยใหม่ ได้แก่ โครงการอาคารพักอาศัยแปลง D2 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2572 จำนวนหน่วยประมาณ 2,610 หน่วย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 4 รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม อาคาร C2-C4 จำนวน 3 อาคาร 1,632 หน่วย รองรับผู้อยู่อาศัยใหม่ แปลง B และ E จำนวนหน่วยประมาณ 11,136 หน่วย คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2572

        ขณะที่ โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนรามอินทรา ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาและสำรวจความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัย ขณะเดียวกันได้ปรับปรุงแผนแม่บทโครงการ พร้อมจัดทำแบบจำลอง 3 มิติของอาคารใหม่จำนวน 490 หน่วย โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนทุ่งสองห้อง ได้จัดทำกระบวนการมีส่วนร่วมกับผู้อยู่อาศัยและหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อหาแนวทางการพัฒนาอย่างรอบด้าน และอยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทโครงการโดยใช้แนวคิดการพัฒนาเมืองสู่การเป็น Smart City ขณะที่โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนห้วยขวางได้จัดทำกระบวนการมีส่วนร่วมกับผู้อยู่อาศัยสำรวจฐานข้อมูล ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการในเบื้องต้น จัดทำ Work Shop สะท้อนปัญหาของชุมชน เพื่อนำมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผนแม่บทโครงการฯ

        นายทวีพงษ์ ยังได้กล่าวถึง มาตรการและความปลอดภัยโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติรองรับแผ่นดินไหว โดยการเคหะแห่งชาติ ร่วมกับมูลนิธินายช่างไทยใจอาสา และสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้เร่งตรวจสอบอาคารที่อาจได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว จำนวน 660 โครงการ ทั่วประเทศ พบว่ามีอาคารรับความเสียหายใด ๆ จำนวน 573 โครงการ และได้รับความเสียหายเล็กน้อยถึงปานกลาง จำนวน 87 โครงการ ปัจจุบันตรวจสอบแล้ว จำนวน 44 โครงการ รวม 926 อาคาร สำหรับอาคารที่เสียหายเล็กน้อยถึงปานกลางโดยส่วนใหญ่พบเป็นรอยแตกร้าวของอาคารตามบันไดหรือผนังชำรุดเล็กน้อย สีหลุดล่อน ซึ่งไม่กระทบกับโครงสร้างอาคารสามารถอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัย

       ขณะที่การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Complex) โครงการ Senior Complex บางละมุง จ.ชลบุรี จะจัดสร้างเป็นอาคารชุดพักอาศัย จำนวน 14 อาคาร จำนวนกว่า 1,700 หน่วย มีห้องพักหลายขนาด พร้อมบริการเสริมด้านสุขภาพ โภชนาการ นันทนาการ และผู้ดูแลส่วนบุคคล เพื่อรองรับวิถีชีวิตของผู้สูงอายุในทุกมิติ ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ รวมทั้งจัดทำรายงาน EIA ออกแบบรายละเอียด และเปิดจองสิทธิ โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือนสิงหาคม 2569

        ส่วนโครงการสวัสดิการที่พักอาศัยข้าราชการ กระทรวงกลาโหม เพื่อให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยได้มีที่อยู่อาศัย เป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยพร้อมสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่จำเป็น คำนึงถึงการออกแบบตามหลักการออกแบบสากลสมัยใหม่ (UD) เพื่อรองรับการอยู่อาศัยของครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุและผู้พิการ ตามแนวคิดความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-Friendly Housing) โดยจะจัดทำโครงการนำร่อง 6 โครงการ รวม 819 หน่วย ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร จ.พระนครศรีอยุธยา จ.กาญจนบุรี จ.ชลบุรี และ จ.อุดรธานี

       ด้านที่อยู่อาศัยเช่าแนวใหม่ (Smart Home) ปรับปรุงทรัพย์สินอาคาร Sunk Cost และอาคารเช่าที่อยู่อาศัยเดิม ของการเคหะแห่งชาติโดยจะดำเนินโครงการนำร่อง 2 พื้นที่ ได้แก่ โครงการสี่วาพาสวัสดิ์ จ.สมุทรสาคร ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมและแรงงาน จะปรับปรุงในลักษณะ Community Living เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน เหมาะสำหรับครอบครัวและแรงงานที่ต้องการที่อยู่อาศัยคุณภาพ และ โครงการเทพารักษ์ 4 จ.สมุทรปราการ ตั้งอยู่ที่ ซ.ที่ดินไทย ถ.เทพารักษ์ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นการปรับปรุงอาคารเดิมให้มีความสมบูรณ์ ทั้งด้านโครงสร้าง ความแข็งแรง และความปลอดภัย พร้อมติดตั้งระบบ Smart Energy และ Home Automation เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เหมาะสำหรับผู้ใช้แรงงานในพื้นที่อุตสาหกรรม และผู้ที่ต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่

       นอกจากนี้ การเคหะแห่งชาติยังได้จัดทำแคมเปญ “ฉลองครึ่งปีทอง กับการเคหะแห่งชาติ 2568” ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน –15 กรกฎาคม 2568 โครงการที่เข้าร่วมรวมกว่า 154 โครงการทั่วประเทศ มากกว่า 10,000 หน่วย ทั้งในกรุงเทพฯ/ปริมณฑล และภูมิภาค ผลลัพธ์ตลอดแคมเปญ ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน –15 กรกฎาคม 2568 สามารถส่งมอบอาคารได้ 1,555 หน่วย และยังมีแคมเปญ “หั่นราคาโครงการอาคารเช่าทั่วประเทศ” ให้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ/ผู้พิการ กลุ่มผู้จบการศึกษาใหม่ (First Jobber) กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มประชาชนทั่วไป โดยนำโครงการอาคารเช่า 30 โครงการ จำนวน 3,339 หน่วย ทั้งในกรุงเทพฯ/ปริมณฑล และภูมิภาค สามารถทำสัญญาจำนวนทั้งสิ้น 388 สัญญาจากการดำเนินงานในภาพรวมทำให้หน่วยส่งมอบที่อยู่อาศัยที่กำหนดเป้าหมายในปี 2568 จำนวน 6,400 หน่วย สามารถดำเนินการได้ จำนวน 6,658 หน่วย (สูงกว่าเป้าหมาย)

       พร้อมกันนั้น การเคหะแห่งชาติยังคงเดินหน้า โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยซึ่งตั้งเป้าประชาชนกว่า 2.27 ล้านครัวเรือน เข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มาตรฐาน ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนทุกมิติ โดยนับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563-2568 วงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรจำนวน 2,235.022 ล้านบาท รวมวงเงินให้สินเชื่อ 2,470.519 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 30 มิถุนายน 2568) สามารถช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยได้เข้าถึงที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานในระดับราคา และในปีงบประมาณ 2568 การเคหะแห่งชาติได้พิจารณาอนุมัติการเช่าซื้อโครงการสินเชื่อฯ ให้กับลูกค้าจำนวน 837 ราย วงเงินรวมทั้งสิ้น 388.800 ล้านบาท

       นอกจากนั้น การเคหะแห่งชาติได้ดำเนินการจัดทำ “โครงการพัฒนาศักยภาพด้านอาชีพของผู้อยู่อาศัยในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ” ตามนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศผ่านการใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแผนการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ภายใต้กรอบวงเงินรวม 157,000 ล้านบาท โดยการเคหะแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 25 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะอาชีพให้แก่ผู้อยู่อาศัยในชุมชนผ่านการฝึกอบรม การพัฒนาทักษะใหม่ (Reskill) และการยกระดับทักษะ (Upskill) ซึ่งโครงการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนให้ครอบคลุมทั้งสิ้น 125 ชุมชนทั่วประเทศ

       สำหรับการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพด้านอาชีพของผู้อยู่อาศัยในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ ถือเป็นกลไกสำคัญในการตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลในการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม เสริมสร้างศักยภาพของประชาชนในทุกช่วงวัยและเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้แก่สังคมไทยในอนาคต รวมถึงการสร้างอาชีพที่เหมาะสมกับศักยภาพของผู้อยู่อาศัยในแต่ละชุมชน ตอบสนองต่อความต้องการอย่างแท้จริง สามารถเพิ่มรายได้ ลดภาระค่าใช้จ่าย และสร้างความมั่นคงในชีวิต ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน อันสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของการเคหะแห่งชาติที่ว่า “สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี” ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติกล่าวย้ำ


คลิปวิดีโอ