วันอังคาร ที่ 11 พฤศจิกายน 2568 11:11น.

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.35 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง”

11 พฤศจิกายน 2025

         นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.35 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา

         โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน แม้จะมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง เข้าใกล้โซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.30-32.39 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวไร้ทิศทางเช่นกัน ของเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์มีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ท่ามกลางความหวังว่า ภาวะ US Government Shutdown อาจสิ้นสุดลงได้ภายในเร็ววันนี้ ซึ่งภาพดังกล่าวได้หนุนให้ บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทั้งนี้ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมจะอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง แต่ราคาทองคำ (XAUUSD) ยังพอได้แรงหนุนจากทั้งจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ หลังรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ จากภาคเอกชนที่ออกมาแย่กว่าคาดในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา

         บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาสู่ภาวะเปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง ท่ามกลางความหวังว่า ภาวะ US Government Shutdown อาจสิ้นสุดลงได้ในเร็ววันนี้ ส่งผลให้ บรรดาหุ้นส่วนใหญ่ที่ปรับตัวลงแรงในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยเฉพาะบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor ต่างรีบาวด์สูงขึ้น อาทิ Nvidia +5.8% ส่งผลให้โดยรวม ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.54% ส่วนดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พลิกกลับมาพุ่งขึ้น +2.27%

         ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาพุ่งขึ้นราว +1.42% ท่ามกลางภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ตอบรับความหวังว่า ภาวะ US Government Shutdown อาจสิ้นสุดลงในเร็ววันนี้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับเพิ่มคำแนะนำการลงทุนในหุ้นยุโรปหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มธนาคาร จากบรรดานักวิเคราะห์ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารส่วนใหญ่ต่างปรับตัวสูงขึ้น

        ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวน แม้จะมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง ทดสอบโซน 4.10% หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี ความหวังว่า ภาวะ US Government Shutdown อาจสิ้นสุดลงได้ในเร็ววันนี้ ก็มีส่วนกดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นบ้าง สู่ระดับ 4.12% ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ อนึ่ง เราประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจเคลื่อนไหวผันผวนได้ในช่วงนี้ ตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด (ซึ่งเรายังคงมุมมองเดิมว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงต่อได้ จากภาพตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลงชัดเจน) ภาวะตลาดการเงินโดยรวม และประเด็นการพิจารณาคดีมาตรการภาษี IEEPA ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หากบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ สามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ เราก็ยังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip) ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้

          ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนไร้ทิศทาง แม้จะมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม จากความหวังว่า ภาวะ US Government Shutdown อาจสิ้นสุดลงภายในสัปดาห์นี้ ได้กดดันให้ ผู้เล่นในตลาดทยอยลดการถือครองเงินดอลลาร์ลง กดดันให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงเคลื่อนไหวแถวโซน 99.6 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 99.4-99.8 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงิน จะอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ทว่าจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ทยอยปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จากการพิจารณาคดีโดยศาลสูงสุด ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ทยอยปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้โซน 4,130 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

          สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านรายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ ทั้งยอดการจ้างงาน อัตราการว่างงาน และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเฉพาะประธาน ECB และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอย่างดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีและยูโรโซน (ZEW Economic Sentiment) ในเดือนพฤศจิกายน เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB

        ส่วนทางฝั่งสหรัฐฯ แม้ภาวะ US Government Shutdown ที่ยังคงดำเนินอยู่นั้น จะทำให้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญมีการเลื่อนประกาศออกไป ทว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากทางภาคเอกชน อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจขนาดเล็ก (NFIB Small Business Optimism) โดยเฉพาะในส่วนของแนวโน้มการจ้างงาน เนื่องจากภาคเอกชนขนาดเล็กของสหรัฐฯ มีการจ้างงานในสัดส่วนที่สูง

        และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน รวมถึง พัฒนาการของสถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ หลังภาวะ Government Shutdown ที่ยืดเยื้ออาจยุติลงได้ในเร็ววันนี้ และเริ่มมีการไต่สวนคดีมาตรการภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยศาลสูงสุด (Supreme Court)

        สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ไปก่อนได้ โดยโซนแนวต้านยังคงอยู่แถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาด อย่างฝั่งผู้ส่งออกและผู้เล่นที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) ต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์หรือขายทำกำไรสถานะแถวโซนแนวต้าน ขณะที่โซนแนวรับยังอยู่แถว 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางความต้องการทยอยซื้อเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้นำเข้าที่ยังมีอยู่บ้างในช่วงนี้ นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ก็ยังไร้ทิศทางที่ชัดเจน เช่นกัน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ หากภาวะ US Government Shutdown สิ้นสุดลงได้ภายในเร็ววันนี้

         โดยเรามองว่า หากภาวะ US Government Shutdown สิ้นสุดลงได้ในสัปดาห์นี้ ก็มีโอกาสที่จะเห็นการทยอยรายงานข้อมูลการจ้างงานในเดือนกันยายน ซึ่งควรจะรายงานตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม เช่น หากหน่วยงานสหรัฐฯ อย่าง BLS เริ่มกลับมาเปิดทำการเต็มที่อีกครั้ง รายงานข้อมูลการจ้างงานก็อาจจะสามารถประกาศให้ตลาดรับรู้ได้ ในอีก 2 วัน หลังจากนั้น (ส่วนรายงานข้อมูลการจ้างงานเดือนตุลาคม ก็อาจประกาศได้ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนนี้) ซึ่งรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ จากทาง BLS แม้จะเป็นข้อมูลในเดือนกันยายน ก็อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้พอสมควร

         ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ เนื่องจากรายงานข้อมูลดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของ BOE ได้ หลังล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสราว 70% ที่ BOE จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง 25 bps ในการประชุมเดือนธันวาคม นี้ โดยหากข้อมูลการจ้างงานอังกฤษออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจทำให้ตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ BOE กดดันให้ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) เสี่ยงอ่อนค่าลงบ้าง และหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ได้

         เราขอเน้นย้ำว่า เงินดอลลาร์ยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-way Risk สามารถผันผวนได้ทั้งสองทิศทาง ขึ้นกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด บรรยากาศในตลาดการเงิน รวมถึงการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยศาลสูงสุด (Supreme Court) ที่ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ศาลฯ อาจมีแนวโน้มเพิกถอนมาตรการภาษีนำเข้าจากกฎหมาย IEEPA ซึ่งทำให้ความกังวลเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งและกดดันเงินดอลลาร์

         และเนื่องจาก ความผันผวนของเงินบาทได้กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด รวมถึงบรรดาธนาคารกลางหลักต่างๆ และประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องจับตาทั้งสถานการณ์ Government Shutdown และการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าโดยศาลสูงสุด (Supreme Court) ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

          มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.30-32.50 บาท/ดอลลาร์


คลิปวิดีโอ