วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน 2568 06:24น.

ก้าวต่อไปของเศรษฐกิจไทยท่ามกลางความไม่แน่นอน

4 ธันวาคม 2023

เศรษฐกิจไทยในปี 2024 อาจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในระดับสูง

       ปี 2024 เป็นอีกปีที่ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในระดับสูงต่อเนื่องจากหลายปัจจัย ดัชนีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2024 คาดว่าจะปรับลดลงจากปีนี้ แต่จะยังอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโควิดถึง 24% โดยเฉพาะจากปัจจัยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและนโยบายการคลังไทย ซึ่งทั้งสองปัจจัยจะกระทบการส่งออกสินค้าของไทย 2%QOQ และการบริโภคภาคเอกชนไทย 1%QOQ ทันทีในไตรมาสนั้น ๆ ตามลำดับ ขณะที่เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินและการเมืองภายในประเทศที่ปรับลดลง สำหรับความไม่แน่นอนจากปัจจัยความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์แม้จะเป็นประเด็นเสี่ยงสำคัญในโลก แต่ผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจไทยผ่านการส่งออกสินค้ายังมีน้อย

ปี 2024 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่อเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจหลายด้าน โดยเฉพาะการลงทุนและการส่งออกที่จะปรับดีขึ้น รวมถึงนโยบายกระตุ้นของภาครัฐ

        SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะเติบโตต่อเนื่องที่ 3.5% และกลับไปแตะระดับศักยภาพเดิมได้ในช่วงต้นปี โดยมูลค่าส่งออกไทยจะกลับมาขยายตัวได้ 3.5% จากทิศทางการค้าโลกที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้บ้างและปัญหาคอขวดอุปทานคลี่คลายลง และการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 4.4% จากแนวโน้มการอนุมัติการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment : BOI) และการส่งออกที่กลับมาฟื้นตัว นอกจากนี้ โครงการ Digital wallet อาจช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยในปี 2024 เติบโตเกิน 5% ชั่วคราว แต่ต้องแลกด้วยหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มขึ้นแตะเพดาน 70% เร็วขึ้นในระยะปานกลาง

เศรษฐกิจไทยในปี 2024 อาจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

        มองไปในปี 2024 โลกมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นและอาจส่งผลกระทบมายังประเทศไทยได้ในที่สุด SCB EIC คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2024 จะเติบโตได้ใกล้เคียงปีนี้อยู่ที่ 2.3% ซึ่งเติบโตชะลอลงจาก 3% ในปี 2022 กลุ่มประเทศต่าง ๆ จะมีแนวโน้มฟื้นตัวไม่พร้อมกัน (Unsynchronized) โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้อยู่แม้จะเผชิญดอกเบี้ยขึ้นแรงต่อเนื่องจนมาอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตดีขึ้นจากภาคบริการและแรงสนับสนุนของนโยบายเงินผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ ภูมิภาคเอเชียจะยังเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปและจีนกลับเห็นสัญญาณขยายตัวชะลอลง โดยเฉพาะภาคการผลิต ในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจโลกต้องเผชิญกับหลายปัจจัยเสี่ยงส่งผลให้ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกยังมีอยู่สูง เช่น เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้าจากปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาวที่ใช้เวลาแก้ไข ภาคอสังหาริมทรัพย์จีนซบเซาส่งผลลบต่ออุปสงค์ภายในประเทศจีน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกที่อาจเร่งตัวตามการลดอุปทานน้ำมันของ OPEC+ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลกที่อาจยืดเยื้อรุนแรงขึ้น ภัยแล้งจากเอลนีโญที่อาจทำให้ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงผลกระทบจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่จะอยู่ในระดับสูงนานต่อเสถียรภาพระบบการเงินโลก นอกจากนี้ โลกจะยังมีความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อต่อเนื่อง ความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกประเทศจึงอาจส่งผลกระทบมายังความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทยได้ในทางหนึ่ง

        นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยอาจเผชิญความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายในประเทศอีกด้วย แม้ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศจะปรับลดลงหลังจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 แต่เศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าจะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านนโยบายการคลังไทยของรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งจากชุดนโยบายระยะสั้นและระยะยาว สำหรับความไม่แน่นอนด้านนโยบายการเงินปรับลดลงบ้างหลังคณะกรรมการนโยบายการเงินสื่อสารไว้ในการประชุมปลายเดือนกันยายน 2023 ว่า การทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องจนถึงระดับ 2.5% เป็นระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาวแล้ว
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของไทย

        SCB EIC ได้สร้างดัชนีสะท้อนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทยขึ้น และพบว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของไทยกลับมาปรับสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2020 ดัชนีความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทยในงานศึกษานี้คำนวณได้จากความแปรปรวนแบบมีเงื่อนไข (Conditional variance) ของข้อมูล GDP ไทยโดยใช้แบบจำลองเศรษฐมิติ และนำมาแปลงให้อยู่ในรูปดัชนีมีค่าในช่วง 0 – 100 ผลศึกษาพบว่า ดัชนีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของไทยในช่วงปี 1993 – 2019 (ก่อนเกิดวิกฤตโควิด) มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 35 หน่วย โดยในช่วงวิกฤตโควิดดัชนีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของไทยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 61 หน่วย สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนช่วงเกิดโควิดถึง 76% สำหรับในปี 2024 ประเมินว่าดัชนีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของไทยจะปรับลดลงเล็กน้อย โดยมีค่าเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 43 หน่วย สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโควิดถึง 24%


คลิปวิดีโอ