นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.39 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.48 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้างในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 32.38-32.51 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) เข้าใกล้โซนแนวต้าน 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง หลังผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มความคาดหวังแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟด โดยฝั่งการเมืองสหรัฐฯ ซึ่งภาพดังกล่าวได้กดดันให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลง นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม ตามการรีบาวด์ขึ้นของเงินยูโร (EUR) หลังปรับตัวอ่อนค่าลงในช่วงก่อนหน้า จากความกังวลสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัด หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศในช่วงปลายเดือน
บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ชะลอการเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง เพื่อรอลุ้นรายงานผลประกอบการของ Nvidia ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.24% อย่างไรก็ดี แม้ว่าผลประกอบการของ Nvidia จะออกมาดีกว่าคาด ทั้งการเติบโตของรายได้และผลกำไร ทว่าคาดการณ์ผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ได้กดดันให้ราคาหุ้น Nvidia ปรับตัวลดลง -3.1% หลังรับรู้รายงานผลประกอบการ ส่งผลกระทบให้บรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงได้ สะท้อนจากการปรับตัวลงของสัญญาฟิวเจอร์สตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ล่าสุด ปรับตัวลดลงราว -0.4%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้นเล็กน้อย +0.10% หลังปรับตัวลดลงหนักในวันก่อนหน้า จากความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองของฝรั่งเศส นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานผลประกอบการของหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ อย่าง Nvidia ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มผลประกอบการของบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor อย่าง ASML ในตลาดหุ้นยุโรปได้
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ ความกังวลการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟดจากฝั่งการเมืองสหรัฐฯ ซึ่งหนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้างสู่ระดับ 4.23% ทั้งนี้ ในช่วงระยะสั้น เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มผันผวนไปตามการมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด โดยยังพอมีโอกาสที่จะเห็นบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นได้บ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงหลังจากนี้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง เราจึงมองว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้ เนื่องจากเราคงคาดการณ์ว่า บอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มทยอยปรับตัวลดลง ตามการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด (คาดว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยจนถึงระดับ 3.00-3.25%)
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง สอดคล้องกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ตามการปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด กอปรกับเงินยูโร (EUR) ก็รีบาวด์แข็งค่าขึ้นบ้าง หลังปรับตัวอ่อนค่าลงพอสมควรในช่วงก่อนหน้า จากความกังวลสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงสู่โซน 98.1 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.1-98.7 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ท่ามกลาง ความกังวลการเข้าแทรกแซงการทำงานของเฟดจากฝั่งการเมืองสหรัฐฯ ซึ่งยังคงหนุนการปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ทยอยปรับตัวสูงขึ้น ทดสอบโซนแนวต้าน 3,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ อาทิ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) รวมถึงข้อมูลตลาดบ้าน อย่าง ยอด Pending Home Sales ในเดือนกรกฎาคม และดัชนีภาวะภาคธุรกิจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ ในเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะ Christopher Waller (Board of Governor และ FOMC Voting member) ซึ่งในการประชุม FOMC ล่าสุด Christopher Waller ได้ออกมาสนับสนุนการลดดอกเบี้ย จากความกังวลต่อแนวโน้มการจ้างงานสหรัฐฯ (ก่อนที่จะรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานเดือนกรกฎาคมที่ออกมาแย่กว่าคาด และมีการปรับลดข้อมูลการจ้างงาน 2 เดือนก่อนอย่างมีนัยสำคัญ)
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ล่าสุด เพื่อหาสัญญาณต่อแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของ ECB ในระยะข้างหน้า โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสเพียง 40% ที่ ECB จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง 25bps ในปีนี้
ทางฝั่งเอเชียนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น ผลการประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ส่วนในช่วงราว 6.30-7.00 น. ของเช้าศุกร์ที่ 29 สิงหาคม นี้ ตามเวลาประเทศไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของญี่ปุ่น อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ในเดือนกรกฎาคม รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ CPI ของกรุงโตเกียว ในเดือนสิงหาคม ซึ่งอาจส่งผลต่อมุมมองผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า BOJ มีโอกาสราว 68% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 25bps 1 ครั้ง ในปีนี้
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า แม้เงินดอลลาร์จะทยอยอ่อนค่าลงบ้างในช่วงคืนที่ผ่านมา ทว่าการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์อาจเป็นไปอย่างจำกัด จนกว่าผู้เล่นในตลาดจะปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังผู้เล่นในตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ทำให้เราประเมินว่า ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ในช่วงราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย นั้น เงินดอลลาร์อาจแกว่งตัว Sideways และมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นบ้าง เนื่องจากสถานการณ์ความวุ่นวายของการเมืองฝรั่งเศสนั้นยังคงอยู่ และอาจกลับมากดดันตลาดการเงินฝั่งยุโรป โดยเฉพาะเงินยูโร (EUR) ได้บ้าง (เราประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร อาจเป็นไปอย่างจำกัด จนกว่าประเด็นความเสี่ยงการเมืองฝรั่งเศสจะคลี่คลายลง)
นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างวัน เงินบาทก็มีโอกาสเผชิญแรงกดดันบ้าง จากทั้งโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศอื่นๆ จากผู้เล่นในตลาด อาทิ ฝั่งผู้นำเข้า รวมถึง แรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะแรงขายหุ้นไทย
ขณะเดียวกัน ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นมาทดสอบโซนแนวต้านและยังคงเห็นแรงขายทำกำไรผู้เล่นในตลาดบ้าง จำกัดการปรับตัวขึ้นต่อของราคาทองคำ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งภาพดังกล่าวจะช่วยชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้ โดยเราประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) อาจยังติดโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีโซนแนวรับถัดไปในช่วง 32.10 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้น เงินบาทเสี่ยงผันผวนมากขึ้น เผชิญความเสี่ยง Two-way risk (พร้อมเคลื่อนไหวสองทิศทาง) ขึ้นกับว่า รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะออกมาอย่างไร โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ก็จะช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รีบาวด์ขึ้นบ้าง ตามการปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด (อาจไม่มากนัก) ทว่าเงินบาทก็อาจยังติดโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ อาจต้องติดตามภาวะตลาดการเงินสหรัฐฯ และการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ เนื่องจากหากราคาทองคำปรับตัวขึ้นบ้าง ตามภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็อาจชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้
ในทางกลับกัน หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดบ้าง กดดันทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทเพิ่มเติม ซึ่งหากบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ปิดรับความเสี่ยงและหนุนการปรับตัวขึ้นต่อของราคาทองคำ ก็อาจทำให้เงินบาทแข็งค่าทะลุโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ทดสอบโซนแนวรับถัดไป ได้ไม่ยาก
นอกจากนี้ ในช่วงราว 3.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ของเช้าวันศุกร์นี้ เงินบาทก็เสี่ยงแข็งค่าขึ้นได้ โดยเราประเมินว่าถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด Christopher Waller จะย้ำจุดยืนเดิม สนับสนุนการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่ง Christopher Waller อาจส่งสัญญาณแสดงความกังวลต่อภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มเติม ทำให้ ผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น ซึ่งจะกดดันทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เพิ่มเติม พร้อมกับหนุนการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำได้
เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.25-32.55 บาท/ดอลลาร์