บล.ทิสโก้ปรับเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2568 เหลือ 1,208 จุด จากเดิม 1,337 จุด รับความเสี่ยงปัจจัยการเมืองในประเทศ และการเจรจาภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งหลายประเทศอาจเจรจาไม่ทันตามกำหนด ประกอบกับตัวเลขการท่องเที่ยวไทยอาจฟื้นน้อยกว่าคาดฉุดเศรษฐกิจไทยอาจถดถอยทางเทคนิค พร้อมเปิดรายชื่อหุ้นที่ผลประกอบการไตรมาส 2 โตเด่น หุ้นที่มีโอกาสจ่ายปันผลในระดับสูง หุ้นที่ได้รับผลกระทบการเมืองน้อย และงบการเงินแกร่ง
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ภายใต้ความไม่แน่แน่นอนรอบด้านทั้งปัจจัยภายในประเทศ เช่น การเมืองในประเทศ และตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยที่อาจไม่ฟื้นตัวตามที่คาด ประกอบกับความเสี่ยงเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ ดังนั้น บล.ทิสโก้จึงได้ปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2568 เป็น 1,208 จุด จากเดิม 1,337 จุด และปรับดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2569 เป็น 1,279 จุด จากเดิม 1,405 จุด สำหรับกลยุทธ์ลงทุนเดือนกรกฎาคม บล.ทิสโก้คาดว่าหุ้นที่งบไตรมาส 2/2568 ดี และหุ้นปันผลดีน่าจะเคลื่อนไหวดีกว่าตลาด (Outperform) แนะนำ ADVANC, BAM, PRM นอกจากนี้ หุ้นที่คาดจะได้รับผลกระทบจำกัดจากการเมืองในประเทศและฐานะการเงินแข็งแกร่งถือเป็นตัวเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ แนะนำ GULF, HANA, PR9
ดังนั้น หุ้นเด่นในเดือน กรกฎาคมแนะนำ ADVANC, BAM, GULF, HANA, PR9 และ PRM ด้านแนวรับสำคัญของ SET Index เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 1,050-1,055 จุด (โลว์เดิมของปีนี้ที่ลงมาทดสอบแล้ว 2 ครั้ง), แนวรับต่อมาคือ 1,000-1,020 จุด และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,120 จุด และ 1,160 จุด ตามลำดับ
“ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวแย่กว่าตลาดหุ้นต่างประเทศอย่างต่อเนื่องโดยปรับตัวลง 22% ขณะที่หุ้นโลก (MSCI World Index) และหุ้นเอเชีย (MSCI Asia ex. Japan) ที่ปรับตัวขึ้น +8% และ +14% ตามลำดับ ถูกกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้าและกำไรบริษัทจดทะเบียนไม่เติบโต ขณะที่เรามอง SET Index ครึ่งปีหลังยังอ่อนไหวไปตามสถานการณ์ภายในและภายนอกที่ไม่แน่นอนสูง” นายอภิชาติกล่าว
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง สถานการณ์การเมืองในประเทศยังไม่น่าไว้วางใจ การถอนตัวของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลใหญ่เป็นอันดับ 2 ทำให้รัฐบาลปัจจุบันมีคะแนนเสียงปริ่มน้ำ 261 เสียงจากจำนวน ส.ส. ปัจจุบันที่มีอยู่ 495 เสียง เป็นอุปสรรคในการทำงานของรัฐบาลในระยะข้างหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมสภาฯ ที่จะเปิดในต้นเดือน ก.ค. นี้ นอกจากนี้ หนทางความอยู่รอดของรัฐบาลข้างหน้ายังเต็มไปด้วยขวากหนาม ทั้งการยื่นศาลรัฐธรรมนูญวิจัยฉัยคุณสมบัตินายกฯ การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คดีความต่าง ๆ และการชุมนุมทางการเมืองที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงไตรมาส 3 นี้
รวมทั้งต้นเดือน ก.ค. จะครบกำหนด 90 วันที่ทรัมป์ผ่อนปรนการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ให้กับประเทศคู่ค้า หลายประเทศไม่น่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ได้ทันก่อนช่วงเวลาดังกล่าว ถึงแม้มีความเป็นไปได้มากที่ทรัมป์จะขยายเวลาผ่อนผันออกไป (ซึ่งเป็นกรณีฐานที่ตลาดประเมินไว้) แต่ในขณะเดียวกันอาจทำให้การค้า การลงทุน และการบริโภคชะลอตัวต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนของการขึ้นภาษี เป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
นายอภิชาติกล่าวอีกว่า ล่าสุดศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค (Technical Recession) จากแรงกดดันทั้งภายนอกและภายในประเทศ โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าโลก ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวน้อยกว่าคาด และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจนำไปสู่ภาวะสุญญากาศ ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาให้ บล.ทิสโก้ปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2568 และ 2569 ลงตามลำดับ