วันพุธ ที่ 9 กรกฎาคม 2568 23:00น.

SME D Bank คิกออฟโครงการ ‘Acceleration Program Road to LiVE 2025’

9 กรกฎาคม 2025

        SME D Bank ร่วมกับ Deloitte Thailand เดินหน้าสานต่อโครงการ “Acceleration Program – Road to LiVE 2025” ปั้นธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ เข้าสู่กระบวนการบ่มเพาะธุรกิจเข้มข้น เตรียมความพร้อม เข้าสู่ตลาดทุนไทย ดันเป็นหัวหอกขับเคลื่อนและผลักดันเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน 

        นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ธนาคารมุ่งมั่นพันธกิจการเป็นสถาบันการเงินของรัฐเพื่อการพัฒนาเอสเอ็มอีสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดยหนึ่งในพันธกิจที่สำคัญ คือ การพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยที่มีศักยภาพให้ได้รับการยกระดับ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ และต่อยอดเอสเอ็มอีเข้าสู่ตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หรือ ตลาดหลักทรัพย์ LiVE Exchange (LiVEx) สร้างการเติบโตสู่การเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เข้มแข็งในอนาคต อันจะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนและผลักดันระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป ดังนั้น SME D Bank ร่วมกับ บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ สอบบัญชี จำกัด (Deloitte Thailand) บริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นนำ โดยผ่านการสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดตัวโครงการ “Acceleration Program – Road to LiVE 2025” มีวัตถุประสงค์เตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพให้มีความรู้และเข้าใจกลไกระดมทุนในตลาดทุน และมีมาตรฐานระดับสากลพร้อมเข้าสู่ตลาดทุนต่อไป

         สำหรับโครงการ Acceleration Program – Road to LiVE 2025 มีกิจการที่ผ่านการคัดเลือกเข้ารับการบ่มเพาะพัฒนาธุรกิจในรอบสุดท้าย จำนวน 24 กิจการ กำหนดการพัฒนาเชิงลึก 4 รูปแบบ ในระยะเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 ไปจนถึงเดือนธันวาคม 2568 ได้แก่ การอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) การให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ (Coaching) การสร้างเครือข่ายต่อยอดธุรกิจ (Networking) และจำลองการนำเสนอต่อนักลงทุนตัวจริง (Pitching)  พร้อมรับเงินทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF)

        ทั้งนี้ ธนาคารดำเนินโครงการดังกล่าว มาต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (2566-2568) มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านการอบรมแล้ว ปี 2566 จำนวน 22 กิจการ , ปี 2567 จำนวน 21 กิจการ และล่าสุดในปี 2568 มีผู้เข้าร่วมอบรมเพิ่มอีกจำนวน 24 กิจการ

        นายพิชิต กล่าวเสริมว่า โครงการดังกล่าว สอดคล้องกับการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพต่อยอดสู่ตลาดทุนของธนาคาร ผ่านกระบวนการร่วมลงทุน ด้วยกองทุนย่อยที่ 1 ที่มุ่งเน้นธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีนวัตกรรม และเอสเอ็มอีในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและสินค้าเกษตรแปรรูป และกองทุนย่อยที่ 2 มุ่งเน้นเอสเอ็มอีขนาดกลางที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ SME D Bank ร่วมลงทุนกับกิจการต่างๆ นับถึงเดือน 30 มิถุนายน 2568 จำนวน 51 กิจการ วงเงินมากกว่า 1,700 ล้านบาท สามารถช่วยผลักดันเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์สำเร็จไปแล้ว 6 กิจการ แบ่งเป็น SET จำนวน 1 กิจการ  mai จำนวน 3 กิจการ และ LiVEx จำนวน 2 ราย  


คลิปวิดีโอ