RT ส่งมอบ 6 โครงการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานฯ ของทางหลวง มูลค่ารวม 104.97 ล้านบาท เดินหน้ารับงานระยะสั้นรับรู้รายได้เร็วต่อเนื่อง พร้อมลุยประมูลงานใหม่ภาครัฐและเอกชน เน้นควบคุมต้นทุน-บริหารความเสี่ยง เสริมศักยภาพการแข่งขันระยะยาว
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านขุดเจาะอุโมงค์ วิศวกรรมโยธา และ ธรณีเทคนิคครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินการก่อสร้างโครงการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานฯ ของทางหลวงแล้วเสร็จตามกำหนดเวลา จำนวน 6 โครงการ ประกอบด้วย
งานฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและภัยพิบัติ ทางหลวงหมายเลข 1095 ตอนควบคุม 0202 ตอน แม่นะ-ท่าไคร้ ระหว่าง กม.114+730-กม.123+780 (เป็นช่วงๆ) ปริมาณ 4 แห่ง แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน มูลค่างานตามสัญญา 34,886,436.93 ล้านบาท
งานฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและภัยพิบัติ ทางหลวงหมายเลข 108 ตอนควบคุม 0203 ตอน หนองแห้ง-แม่สุริน ระหว่าง กม.265+880-กม.265+970 LT แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน มูลค่างานตามสัญญา 11,693,087.73 ล้านบาท
งานฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและภัยพิบัติ ทางหลวงหมายเลข 108 ตอนควบคุม 0201 ตอน สะพานแม่ริด-ห้วยงู ระหว่าง กม.191+000-กม.191+180 RT แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน มูลค่างานตามสัญญา 16,691,774.99 ล้านบาท
งานฟื้นฟูทางหลวงหมายเลข 2196 ตอน นางั่ว-ทุ่งสมอ ตอน 2 ระหว่าง กม.31+860-กม.32+000 LT แขวงทางหลวงเพชรบูรณ์ที่ 1 มูลค่างานตามสัญญา 14,995,000 ล้านบาท และ งานแก้ไขและป้องกันน้ำกัดเซาะทางหลวงหมายเลข 1252 ตอนควบคุม 0100 ตอน ปางแฟน-แม่ตอนหลวง ตอน 5 ระหว่าง กม.19+200-กม.19+290 RT มูลค่างานตามสัญญา 14,918,699.63 บาท
อีกทั้งในเดือน มิ.ย. 68 บริษัทได้ส่งมอบงานฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและภัยพิบัติ ทางหลวงหมายเลข 1150 ตอนขุนแจ๋–เวียงป่าเป้า ตอนที่ 3 ระหว่าง กม.72+425–กม.72+625 แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1 มูลค่างานตามสัญญา 11,787,120 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทส่งมอบงานระยะสั้นในปีนี้มูลค่ารวม 104.97 ล้านบาท
“บริษัทยังคงมุ่งเน้นรับงานซ่อมบำรุงและฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานฯ จากผลกระทบของภัยพิบัติ ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วน และมีระยะเวลาดำเนินงานสั้น สามารถรับรู้รายได้รวดเร็ว ควบคู่กับการเข้าร่วมประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและเอกชนเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าบริหารโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้กรอบเวลาและงบประมาณที่กำหนด โดยให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุน การบริหารความเสี่ยง และพัฒนาเครื่องจักร อุปกรณ์ก่อสร้างที่มีมาตรฐาน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว” นายชวลิต กล่าว
