วันพฤหัสบดี ที่ 4 กันยายน 2568 17:16น.

เจาะวิสัยทัศน์ เอ็นอีซี ประเทศไทย 2030 วาง 3 จิ๊กซอว์ขับเคลื่อนประเทศไทยเตรียมผงาดสู่ฮับด้านการเงินของอาเซียน ในปี 2573

4 กันยายน 2025

         ประเทศไทยกำลังเพิ่มบทบาทสำคัญในระดับภูมิภาค เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในการท้าชิงตำแหน่งผู้นำทางการเงินอาเซียน ด้วยความพร้อมขององค์ประกอบหลัก 3 ด้าน ได้แก่ เทคโนโลยี (Technology) วิธีคิด (Mindset) และบุคคลากร (People) ที่ได้รับการติดอาวุธด้วยการยกระดับทักษะ พัฒนาความสามารถทางการแข่งขันในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่จะกลายเป็นพลังสำคัญ สำหรับการขับเคลื่อนบทบาทประเทศไทยในระดับโลก

        มร. อิชิโร คูริฮาระ ประธานบริษัท เอ็นอีซี คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ NEC เปิดเผยว่า จากความพร้อมข้างต้น และความมุ่งมั่นต่ออนาคตที่จะบรรลุเป้าหมายสู่การเป็น “ศูนย์กลางทางการเงินของอาเซียน” ในปี 2573 โดยประเทศไทยจะไม่ใช่เพียงเป็นศูนย์กลางสำหรับการเคลื่อนย้ายเงินทุน แต่ยังเป็นแหล่งที่สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน เสริมศักยภาพ และเชื่อมโยงผู้คนทั้ง 650 ล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเอ็นอีซี มองเห็นความเคลื่อนไหวที่จะบรรลุถึงเป้าหมายนี้มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานรองรับอย่างแข็งแกร่ง การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร และการเตรียมความพร้อมด้าน “คน” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ“ภาพนี้จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เราไม่ได้แค่กำลังสร้างระบบ (Systems) แต่เรากำลังสร้างความเชื่อมั่น”

แปลงโครงสร้างพื้นฐานสู่โอกาสทางธุรกิจ-นวัตกรรมการเงิน

         การปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานและโครงสร้างทางการเงิน (Financial Transformation) ของประเทศไทย ไม่ใช่เพิ่งเริ่มต้น แต่ผ่านเส้นทางการลงทุนมายาวนานมากกว่า 10 ปีในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ ถนน ระบบราง และการค้า จนกลายเป็นรากฐานรองรับที่แข็งแกร่ง และวันนี้ ประเทศไทยกำลังยกระดับจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จับต้องได้ (Hardware) สู่การสร้างให้เกิดวิธีการคิดใหม่ๆ (Heartware) เพื่อต่อยอดการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ เสริมศักยภาพการสร้างนวัตกรรมทางการเงินหรือโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ รับความเปลี่ยนแปลงในโลกการเงินได้อย่างไม่ตกขบวน

        “ในอดีตผู้เชี่ยวชาญต่างชาติเดินทางมาประเทศไทยเพื่อวางระบบโครงสร้างพื้นฐานในเชิงกายภาพ แต่ปัจจุบันความต้องการเปลี่ยนไปแล้ว ศักยภาพของคน (People) คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นหลักเพราะ “คน” คือพลังที่จะขับเคลื่อนทศวรรษหน้า” มร. อิชิโร กล่าว

       ด้าน มร. สุเรช นีลาคันตัน หัวหน้าฝ่ายโซลูชันทางการเงินของเอ็นอีซี ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ความเปลี่ยนแปลงนี้ “เร่งด่วน” เป็นพิเศษ เนื่องจากประเทศไทย กำลังเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และแรงงานในทักษะแบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป สำหรับโลกการเงินในอนาคตที่จะใหญ่ขึ้น ซับซ้อนขึ้น และเปลี่ยนแปลงรวดเร็วขึ้น

       “การพัฒนาทักษะใหม่จะไม่ใช่เป็น “ตัวเลือก” อีกต่อไป แต่เป็นเรื่อง “จำเป็น” เห็นได้จากการที่ประเทศไทย มีโครงการเสริมทักษะต่างๆ ให้กับผู้แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการเข้ามาแทนที่ของระบบอัตโนมัติ (Automation) รวมถึงการบูรณาการความรู้ด้าน AI, ทักษะความสามารถด้านข้อมูลและการใช้ประโยชน์ (Data Literacy) และความไว้วางใจทางดิจิทัล (Digital Trust) เข้าไปในระบบการศึกษา ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างให้บุคลากรหรือแรงงานยุคใหม่ เกิดความมั่นใจในการทำงานและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน”

วัฒนธรรมกับการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลง

        มร. อิชิโร สะท้อนมุมมองว่า ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในเรื่องของศักยภาพด้านการใช้เทคโนโลยี การเข้าถึงโทรศัพท์มือถืออยู่ในลำดับต้นๆ ของโลก ตลาดในประเทศมีความแข็งแกร่ง ทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เป็นจุดเชื่อมโยงที่ดีทั้งด้านโลจิสติกส์และการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน

        อย่างไรก็ตาม อีกปัจจัยหนึ่งที่แม้จะมองเห็นไม่ชัดแต่มีความสำคัญ ก็คือ การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่กำลังเกิดขึ้น แม้บางส่วนยังคงเฝ้ามองอย่างระมัดระวัง แต่กระแสความเปลี่ยนแปลงนี้กลับขยายตัวอย่างต่อเนื่องในกลุ่มนักวิชาการ ผู้ประกอบการ และผู้นำรุ่นใหม่ ที่จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยในเวทีระดับโลก

        “ประเทศไทยมีความพร้อมด้านบุคลากรและยังไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน การปรับตัว และการเป็นผู้นำของตัวเอง”

       ทั้งนี้ กระแสการเปลี่ยนแปลงจะไม่ได้เกิดขึ้นจากระดับบนลงล่าง (top-down) แต่กำลังเกิดขึ้นแล้วในห้องประชุม ห้องเรียน และชุมชน คนไทยรุ่นใหม่ ไม่ได้นั่งรอการเปลี่ยนแปลง แต่พวกเขากำลังสร้างมันขึ้นมาเองอย่างเงียบ ๆ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถ และความเชื่อในสิ่งที่เป็นไปได้

ก้าวหน้าบนรากฐานแกร่ง เชื่อมพันธมิตรทั่วโลก

       ประธานบริษัท เอ็นอีซี (ประเทศไทย) กล่าวต่อว่า แนวทางของไทยไม่ใช่การคัดลอกโมเดลจากต่างประเทศ (Copy-and-Paste)  แต่เป็นการปรับให้เหมาะสมกับบริบทในประเทศด้วยวิสัยทัศน์ระยะยาว ดังนั้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน จึงมีบทบาทสำคัญ

       ยกตัวอย่างเช่น เอ็นอีซี (ประเทศไทย) ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทผู้ส่งออกเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น แต่ตลอดระยะเวลามากกว่า 60 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรในประเทศไทยพัฒนาโซลูชั่นมากมาย ตั้งแต่ยกระดับโซลูชั่นการเงินในห่วงโซ่อุปทานดิจิทัล ครอบคลุมถึงการยกระดับโซลูชั่นระบบบริหารจัดการสินเชื่อยุคดิจิทัล ด้วย Digital Supply Chain Platform ที่ช่วยให้ธุรกิจการผลิตโดยเฉพาะกลุ่ม SME สามารถมีสภาพคล่องทางการเงิน  และการทำงานร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ในโครงการยกระดับทักษะดิจิทัลทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อสร้างบุคลากรด้านฟินเทค และ AI วางรากฐานทักษะที่ประเทศไทยต้องการทั้งในปัจจุบัน และอนาคต

       โดย มร. สุเรช กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า การปรับใช้ดิจิทัลไม่ใช่แค่การเป็นเครื่องมือ แต่ยังเป็นเรื่องของความไว้วางใจ ความร่วมมือ และความเข้าใจวัฒนธรรม (Cultural Fluency) ซึ่งต้องใช้เวลา

ฟินเทค : ขุมพลังเศรษฐกิจ

        มร. อิชิโร มองว่าหนึ่งในจุดแข็งที่สำคัญของไทย คือ ระบบนิเวศฟินเทคที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ระบบให้คะแนนเครดิตสำหรับการประเมินคุณภาพสินเชื่อ (Credit scoring) ด้วย AI ไปจนถึงบัตรประชาชนดิจิทัลที่ปลอดภัย ฟินเทคสามารถเปิดประตูสู่การเข้าถึงทางการเงินให้กับคนหลายล้านคน รวมถึงชุมชนชนบทที่ขาดโอกาส และ SME ระบบที่เชื่อมต่อถึงกันสามารถเปลี่ยนกระบวนการทำงานของธนาคาร จากขั้นตอนที่ใช้เวลาหลายเดือน ให้เหลือเพียงไม่กี่นาทีทั้งนี้เพื่อขยายศักยภาพนี้ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น การประสานงานจึงเป็นหัวใจสำคัญ ธนาคาร หน่วยงานกำกับดูแล สตาร์ทอัพ และประชาชนต้องเดินตามแนวทางร่วมกัน และปัจจุบันประเทศไทยกำลังจะมีกฎหมายด้านนี้แล้ว 

        “เรากำลังเห็นการเปลี่ยนจากโครงการนำร่องที่กระจัดกระจาย สู่แพลตฟอร์มที่ประสานกัน และนั่นคือจุดที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริง”

นิยามใหม่ของ “ฮับการเงิน”

        ด้าน มร. สุเรช มีความเห็นว่า วิสัยทัศน์ปี 2573 ของไทยไม่ได้เป็นเพียงการไล่ตาม แต่คือการก้าวไปข้างหน้าในแบบของตัวเอง เป้าหมายไม่ใช่การเป็นสิงคโปร์หรือฮ่องกงแห่งใหม่ แต่เป็น “ประเทศไทยแห่งอนาคต” ที่รักษาจิตวิญญาณทางวัฒนธรรม พร้อมยกระดับมาตรฐานสู่สากล นั่นหมายถึงการช่วยให้เกษตรกรในขอนแก่นเข้าถึงสินเชื่อรายย่อยได้ง่ายพอๆ กับนักลงทุนในกรุงเทพเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และหมายถึงการเตรียมเยาวชนให้พร้อมไม่เพียงแค่การเขียนโค้ด แต่ให้เป็นผู้นำในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Digital -First World) ทั้งด้าน AI ภาษาอังกฤษ และความทะเยอทะยาน“จงให้ประเพณีเดินเคียงคู่กับการเปลี่ยนแปลง นั่นคือจุดแข็งของประเทศไทย”

พลังแห่งความตั้งใจร่วม

        มร. อิชิโร ยังคงมองว่าโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญ การลงทุนก็สำคัญ อย่างไรก็ตาม ยังมีกุญแจสู่ความสำเร็จที่แท้จริงของ “วิสัยทัศน์ปี 2573 (Vision 2030)” ซึ่งอาจเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญยิ่งกว่าคือ พลังความตั้งใจร่วมกันเพื่อการเปลี่ยนแปลง โดยผู้บริหารทั้งสองของเอ็นอีซี (ประเทศไทย) นำเสนอความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันว่า การเปลี่ยนแปลงประเทศไทยสู่บทใหม่ของอุตสาหกรรมการเงินแห่งอนาคตนั้นสามารถทำได้ทันที

         ทั้งนี้ถ้าประเทศไทยสามารถขับเคลื่อนเป้าหมายไปพร้อมกับการลงมือทำ และเชื่อมพลังความสามารถเข้ากับความไว้วางใจได้สำเร็จ ก็จะไม่เพียงบรรลุเป้าหมายปี 2573  แต่อาจสร้างนิยามใหม่ของการเป็นศูนย์กลางทางการเงินให้โลกได้เห็นก็เป็นได้


คลิปวิดีโอ