บมจ.เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ ประกาศเดินหน้าตอกย้ำผู้นำโลจิสติกส์แบบครบวงจรและผู้นำด้านบริหารลานตู้คอนเทนเนอร์ มุ่งสู่ความยั่งยืนขานรับนโยบาย ESG ลุยขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ตอบโจทย์เทรนด์รักษ์โลก เดินหน้านำรถ EV และรถหัวลากไฟฟ้าผ่าน Sub-contract เข้ามาใช้ รวมถึงวางกลยุทธ์การนำพลังงานสะอาดมาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจต่อเนื่อง เพื่อปูทางสร้างโอกาสการลงทุนใหม่ๆ
นายจีระศักดิ์ มานะตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPJ เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน สอดรับกับการเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ครบวงจรทั้งการขนส่งในประเทศและระหว่างประเทศ และผู้นำด้านบริหารลานตู้คอนเทนเนอร์ ขานรับนโยบาย ESG (Environmental, Social, and Governance) โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานที่ยั่งยืนทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อความยั่งยืนในทุกมิติ ผ่านการขนส่งและการให้บริการ ภายใต้กรอบกลยุทธ์ 3 แนวทางหลัก
1.ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์มีผลกระทบโดยตรงต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงาน และการจัดการทรัพยากร ดังนั้นจึงเห็นเป็นหน้าที่ที่ต้องลดผลกระทบเหล่านี้
2.แรงผลักดันจากลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะลูกค้าองค์กรที่มีนโยบาย ESG ที่ชัดเจน ซึ่งต้องการคู่ค้าที่มีแนวทางการดำเนินงานที่ยั่งยืนเช่นเดียวกัน
3.การมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว เนื่องจาก Green Logistics ไม่เพียงแต่ช่วยด้านบริหารต้นทุนในระยะยาว แต่ยังสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเปิดโอกาสในการเข้าถึงตลาดใหม่ๆ
“ESG ไม่ใช่แค่ เทรนด์ หรือข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติตาม แต่เป็นหลักสำคัญในการสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจในยุคปัจจุบัน ทำให้เชื่อว่าการดูแลสิ่งแวดล้อม คือการลงทุนในอนาคต การดูแลพนักงานและชุมชน การบริหารจัดการที่ดี และการมีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลกระทบเชิงบวก และสร้างรากฐานที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย”
MPJ ในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร ได้ตระหนักถึงความสำคัญด้าน ESG จึงวางกลยุทธ์ เพื่อให้สอดรับกับธุรกิจ ทั้งนี้ ด้านสิ่งแวดล้อม โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การปรับปรุงประสิทธิภาพของยานพาหนะและการจัดการเส้นทาง และการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการวัดผล Carbon Footprint ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม มีโปรแกรมการฝึกอบรมเพื่อให้พนักงานตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินงานภายใต้กรอบ ESG รวมถึงการสนับสนุนชุมชนรอบพื้นที่ การเลือกคู่ค้าและพันธมิตรโดยคำนึงถึงมาตรฐาน ESG และมีการร่วมมือกับคู่ค้า ลูกค้า ในการพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน และด้านธรรมาภิบาล มีการจัดการความเสี่ยงด้าน ESG อย่างเป็นระบบ ปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด รวมทั้งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ ยังให้ความสำคัญต่อปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีการทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization) และจัดทำมาตรฐาน ISO 14001 โดยมีการวัดผลและประเมินการใช้ทรัพยากรต่างๆ รวมทั้งการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ที่นำไปสู่การพัฒนาระบบ Green Logistics Solutions ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อย่างเต็มรูปแบบ เช่น ระบบจัดการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการใช้พลังงาน ติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ นำเทคโนโลยีมาใช้และส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับเปลี่ยนยานพาหนะและเพิ่มประสิทธิภาพการซ่อมบำรุง เพื่อให้รถของบริษัทฯ ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลง และล่าสุดได้นำรถยนต์ไฟฟ้า EV เข้ามาเริ่มใช้ไปบางส่วน โดยเฉพาะกับรถวิ่งร่วม Sub-contract โดยคาดว่าจะเพิ่มจำนวนการงานใช้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาเส้นทางการขนส่งให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดระยะทาง และการใช้เชื้อเพลิง ผ่านการคัดเลือกคู่ค้าและซัพพลายเออร์ที่มีมาตรฐานและเล็งเห็นความสำคัญด้าน ESG เพื่อร่วมพัฒนา Sustainable Supply Chain
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการนำนวัตกรรมหุ่นยนต์อัจฉริยะมาใช้เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการตรวจสอบสุขภาพและความพร้อมของพนักงานก่อนการขับขี่ โดยตรวจสอบพฤติกรรมและสภาวะร่างกายของพนักงานก่อนปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น การตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ ความดันโลหิต รวมถึงประมวลผลข้อมูลและแจ้งเตือนแบบ Real-Time หาก พนักงานไม่ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบ ระบบจะไม่อนุญาตให้ปฏิบัติงานขับขี่