วันศุกร์ ที่ 1 สิงหาคม 2568 05:40น.

‘MMM’ ท็อปฟอร์ม Q2 กำไรทะยาน 190.93% จ่ายปันผลติดต่อ 6 ไตรมาส เคาะจ่าย 0.12 บาท/หุ้น

31 กรกฎาคม 2025

        ‘เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล’ โชว์ฟอร์ม แจ้งผลงาน Q2/2568 กำไรสุทธิแตะ 63.30 ล้านบาท ทะยาน 190.93% (YoY) ขณะที่รายได้จากการขายและบริการ 339.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 181.71%(YoY) พร้อมประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท จ่อ XD วันที่ 14 สิงหาคมนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ จ่ายปันผลติดต่อกัน 6 ไตรมาส ในตลาดไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) ปูทางความสำเร็จสู่การย้ายบ้านเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ

         นางสาวณิชา โรจน์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MMM เปิดเผยว่า ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ฉุดกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยรวมในประเทศให้ชะลอตัว แต่หากพิจารณาจากดีมานด์ของกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยยังอยู่ในทิศทางที่เพิ่มขึ้น สะท้อนถึงผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน 2568 ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) โดยมีรายได้จากการขายและบริการรวม 339.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 181.71%(YoY) ขณะที่กำไรสุทธิ 63.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 190.93%(YoY) คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 18.58% และจากความสามารถในการทำกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ MMM จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ถึง 6 ไตรมาสติดต่อกันนับตั้งเแต่ปี 2566 จนถึงงวดปัจจุบัน   

         โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากกำไรสะสม ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวม 29.74 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 14 สิงหาคม 2568 และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เพื่อจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 28 สิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน พร้อมทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นก่อนที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (PO) จำนวนไม่เกิน 64,200,000 หุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท เพื่อย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ LiVEx มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปีนี้

        สำหรับอัตราการเติบโตของสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/2568 มาจาก 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย

         1.ธุรกิจที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) ดำเนินธุรกิจตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ แต่เพียงผู้เดียวให้กับเจ้าของโครงการ เพื่อให้บริการแนะนำติดต่อผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย รวมถึงประสานงานเพื่อให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างผู้ซื้อและเจ้าของโครงการจนแล้วเสร็จ มีรายได้ 124.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.14%(YoY) จากยอดโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น ประกอบกับรายได้ต่อยูนิตสูงขึ้นจากการปรับกลยุทธ์การขายทรัพย์ที่มีราคาสูงขึ้น และจากการที่บริษัทฯ ขายทรัพย์ที่อยู่ในระยะเวลาช่วงแรกของสัญญาสำหรับโครงการที่ทำสัญญา ในลักษณะ Hybrid–BU1 ได้เพิ่มขึ้น

        2.ธุรกิจการบริหารงานขายโครงการ (BU2) ดำเนินธุรกิจตัวแทนขายและรับประกันการขายแต่เพียงผู้เดียว เพื่อให้บริการแนะนำ ติดต่อผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างผู้ซื้อและเจ้าของโครงการจนกว่าแล้วเสร็จ รวมถึงให้บริการบริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ Hybrid–BU2 มีรายได้ 189.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,354.58% (YoY) จากยอดโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น ประกอบกับโครงการที่บริษัทฯ ให้บริการมีรายได้ต่อยูนิตสูงขึ้นจากการปรับกลยุทธ์การขายทรัพย์ที่มีราคาสูงขึ้น และจากการที่สามารถขายทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับโครงการที่ทำสัญญาในลักษณะ Hybrid–BU2

        3.ธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) บริษัทฯ มีรายได้ 25.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.93% (YoY) จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน

         นอกจากนี้ นางสาวณิชา ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงวัตถุประสงค์ในการระดมทุนในครั้งนี้ว่า เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ เช่น การวางเงินประกันสัญญาในธุรกิจการให้บริการที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) และสัญญาการให้บริการบริหารงานขายโครงการ (BU2) รวมทั้งสัญญาการให้บริการบริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ (Hybrid) รวมถึงนำไปใช้เพื่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรองรับการขยายธุรกิจ ตอบโจทย์การเป็นผู้ให้บริการด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร ภายใต้แนวคิดการเป็น “เพื่อนคู่คิด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์”


คลิปวิดีโอ