นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.66 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.56-32.71 บาทต่อดอลลาร์) หลังจากที่ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงวันที่ผ่านมา โดยการแข็งค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน อาทิ ฝั่งผู้นำเข้า หลังเงินบาทได้แข็งค่าเข้าใกล้โซนแนวรับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะเดียวกันโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ก็มีส่วนช่วยลดทอนการแข็งค่าของเงินบาท ทั้งในส่วนของโฟลว์ธุรกรรมน้ำมัน และราคาทองคำ โดยเฉพาะในส่วนของราคาทองคำนั้น จังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในช่วงคืนที่ผ่านมา ก็มีส่วนกดดันให้เงินบาททยอยอ่อนค่าลงบ้าง แม้ว่าโดยรวมเงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways หลังผู้เล่นในตลาดต่างยังไม่รีบปรับสถานะถือครองเพิ่มเติม เพื่อรอจับตาผลการประชุม FOMC ของเฟดที่จะถึงนี้
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญแรงกดดันบ้าง จากความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน ทำให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นแรงกว่า +17% ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากช่วงที่เผชิญแรงขายหนักก่อนหน้า ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.77%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลงบ้าง -0.18% หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางหลัก (Fed และ BOE) ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ก็มีส่วนทำให้ ผู้เล่นในตลาดเลือกจะทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของตลาดหุ้นยุโรปในช่วงก่อนหน้าออกมาบ้าง
ในส่วนตลาดบอนด์ ภาวะระมัดระวังตัวของตลาดการเงินได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ได้กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลงสู่ระดับ 4.32% ทั้งนี้ การปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็เป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอติดตามผลการประชุม FOMC ของเฟด โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้ง ในปีนี้
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์โดยรวมเคลื่อนไหว Sideways แม้ว่าจะมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดเลือกจะถือทองคำ และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ทว่า การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ก็เป็นไปอย่างจำกัด หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้น ผลการประชุม FOMC ของเฟดที่จะถึงนี้ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 99.6 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 99.1-99.8 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ ภาวะระมัดระวังตัวของตลาดการเงิน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ร้อนแรงขึ้นในช่วงนี้ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. 2025) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่โซน 3,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะเผชิญแรงขายทำกำไรจากบรรดาผู้เล่นในตลาดกดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงสู่ระดับ 3,393 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุม FOMC ของเฟด ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 1.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ของเช้าวันที่ 8 พฤษภาคม นี้ โดยเรามองว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% เพื่อรอประเมินแนวโน้มนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจให้ชัดเจนเสียก่อน ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในช่วง Press Conference อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินมุมมองของเฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด หลังผู้เล่นในตลาดยังคงมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้ง ในปีนี้ ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยที่มากกว่าการคาดการณ์ของเฟดใน Dot Plot ล่าสุด ในการประชุมเดือนมีนาคม
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนมีนาคม เพื่อประกอบการประเมินภาพเศรษฐกิจยูโรโซนและนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน รวมถึงพัฒนาการของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาท จนทะลุโซนแนวรับ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้เป็นแนวรับทั้งสัปดาห์นี้ นั้น เหนือความคาดหมายของเราไปมาก โดยเรามองว่า ปัจจัยที่หนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทดังกล่าวนั้น มาจากทั้ง การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ที่ยังหนุนการรีบาวด์ขึ้นแรงของราคาทองคำ ซึ่งได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ในช่วงนี้ ขณะเดียวกัน การแข็งค่าขึ้นเร็ว แรง ของเงินบาท ก็ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนจำเป็นต้องปรับสถานะถือครอง โดยเฉพาะฝั่งที่มีสถานะ Long USDTHB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) อาจเจอการ Stop Loss ได้ ซึ่งภาพดังกล่าวก็ดูจะสอดคล้องกับแรงซื้อบอนด์ระยะสั้นจากบรรดานักลงทุนต่างชาติในวันก่อนหน้าที่สูงเกือบ 1.5 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดี เรามองว่า ในช่วงก่อนตลาดรับรู้ผลการประชุมเฟดนั้น การเคลื่อนไหวของตลาดการเงินอาจมีทิศทาง Sideways ซึ่งก็สอดคล้องกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ ที่มีไม่มากนัก (มีเพียงยอดค้าปลีกของยูโรโซนที่น่าสนใจ) ทว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้บ้าง หากราคาทองคำเผชิญแรงขายทำกำไรเพิ่มเติม จนย่อตัวลงต่อเนื่อง โดยเราคงมองว่า เงินบาทยังมีความอ่อนไหว (Beta) กับการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ ราว 0.3-0.5 (หากราคาทองคำย่อตัวลง -1% อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ราว -0.3% ถึง -0.5%) ทว่า การย่อตัวลงของราคาทองคำก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด หลังบรรยากาศในตลาดการเงินก็ยังอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว จากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยหนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างรอทยอยซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว เข้ากับธีม Because of You (Trade Uncertainty) Gold Shines (BUGS) นอกจากนี้ เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมบ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจใช้จังหวะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ได้
ทั้งนี้ เราขอเน้นย้ำว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด โดยสถิติในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมาสะท้อนว่า เงินบาท (USDTHB) อาจมีกรอบการแกว่งตัว +/-1 SD ราว +0.33%/-0.18% ในช่วงหลังตลาดรับรู้การประชุมดังกล่าว 30 นาที อย่างไรก็ตาม เรามองว่า ช่วง Press Conference ของประธานเฟด ก็อาจเป็นอีกช่วงเวลาที่ตลาดการเงินอาจผันผวนสูงขึ้นได้เช่นกัน โดยในกรณีที่ ประธานเฟดไม่ได้แสดงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากนัก และย้ำจุดยืนไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย ก็อาจช่วยหนุนเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้บ้าง แต่หากประธานเฟดยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ บ้าง และไม่ปิดโอกาสที่เฟดจำเป็นต้องลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจ ผู้เล่นในตลาดอาจตีความว่า เฟดยังมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด ซึ่งภาพดังกล่าว อาจกดดันเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ให้ย่อตัวลงได้
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.55-32.90 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC)