วันพุธ ที่ 20 สิงหาคม 2568 20:16น.

“มะเร็งปากมดลูก” ภัยเงียบที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยทุก 2 ชั่วโมง แพทย์เตือน “อย่าละเลยการตรวจคัดกรอง พร้อมฉีควัคซีน HPV ป้องกัน

20 สิงหาคม 2025

        “มะเร็งปากมดลูก” ยังคงเป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่สร้างความสูญเสียต่อผู้หญิงไทยอย่างมาก โดยเฉลี่ย ทุก ๆ 2 ชั่วโมง จะมีผู้หญิงไทย 1 คนเสียชีวิตจากโรคนี้ แม้ว่าการรณรงค์ด้านวัคซีนและการตรวจคัดกรองจะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตลง จากเดิมที่เคยมีผู้หญิงไทยเสียชีวิตทุก 7 นาที 1 คน แต่โรคนี้ยังคงเป็นภัยเงียบที่ไม่ควรถูกมองข้าม

         พญ. สมฤดี อุปลวัณณา สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญมะเร็งวิทยานรีเวช–ผ่าตัดส่องกล้องนรีเวช โรงพยาบาลพระรามเก้า เปิดเผยว่า มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 2 ของสตรีไทย รองจากมะเร็งเต้านม โดยมีอุบัติการณ์เฉลี่ย 14.9 ต่อประชากรหญิง 100,000 คน สาเหตุหลักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งติดต่อได้ง่าย โดยเฉพาะผ่านการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ เชื้อไวรัสดังกล่าวยังสัมพันธ์กับมะเร็งชนิดอื่น ๆ เช่น 1. มะเร็งช่องคลอด 2. มะเร็งอวัยวะเพศภายนอก 3. มะเร็งช่องปากและลำคอ และ 4. มะเร็งทวารหนัก

        แม้โดยทั่วไป ร่างกายสามารถกำจัดเชื้อ HPV ได้เองภายใน 1 ปี แต่หากติดเชื้อสายพันธุ์เสี่ยงสูง เช่น HPV 16 และ 18 และระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถกำจัดได้ เซลล์บริเวณปากมดลูกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและอาจพัฒนาเป็นมะเร็งภายในระยะเวลา 3–10 ปี “สิ่งที่น่ากังวลคือ มะเร็งปากมดลูกในระยะแรกแทบไม่แสดงอาการใดๆ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองมีความผิดปกติ จนกว่าจะเข้าสู่ระยะที่โรคลุกลามและยากต่อการรักษา”

        อาการที่อาจพบเมื่อโรคดำเนินไป เช่น ตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็นหรือปนเลือด เลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือเลือดออกผิดปกติที่ไม่ใช่ประจำเดือน หากกดเบียดอวัยวะข้างเคียงอาจทำให้ปวดท้องน้อย ขาบวม ปวดหลัง หรือเกิดภาวะไตวาย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสัญญาณอันตรายที่ไม่ควรละเลย ควรต้องรีบมาพบแพทย์

         พญ. สมฤดี อธิบายเพิ่มเติม สำหรับแนวทางการรักษา หากตรวจพบในระยะเริ่มต้นสามารถผ่าตัดได้และมีโอกาสหายสูง แต่หากเข้าสู่ระยะที่เป็นมากขึ้น (ระยะ 2–4) ไม่สามารถผ่าตัดได้ จำเป็นต้องรักษาด้วยการฉายแสงร่วมกับเคมีบำบัด และอาจใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดหรือยาพุ่งเป้าร่วมด้วย ทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงขึ้นและโอกาสหายขาดลดลง

        “การฉีดวัคซีน HPV ถือเป็นเกราะป้องกันด่านแรก แต่ไม่ใช่วิธีการป้องกันที่สมบูรณ์ วัคซีนไม่สามารถป้องกันได้ 100% ดังนั้นผู้หญิงทุกคนยังคงต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจ Pap smear หรือการตรวจหาเชื้อ HPV ร่วมกัน เพื่อให้สามารถตรวจพบความผิดปกติในระยะเริ่มต้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การรักษามีประสิทธิภาพสูงที่สุด”

         ปัจจุบัน วัคซีน HPV มีให้เลือกทั้ง 2, 4 และ 9 สายพันธุ์ โดยสามารถป้องกันได้ 70–90% แนะนำให้ฉีดตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป กลุ่มอายุ 9–15 ปี ใช้เพียง 2 เข็ม ส่วนอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปจำเป็นต้องฉีด 3 เข็ม แม้วัคซีนจะมีประสิทธิภาพสูงสุดในผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ แต่ยังคงมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว หากยังอยู่ในช่วงอายุที่เหมาะสม

        พญ. สมฤดี ทิ้งท้ายว่า อีกประเด็นที่น่าจับตาคือ ปัจจุบันมะเร็งปากมดลูกมีแนวโน้มตรวจพบในหญิงอายุน้อยลงกว่าอดีต จากเดิมที่เคยพบมากในกลุ่มอายุ 50–60 ปี กลับพบเพิ่มขึ้นตั้งแต่อายุ 30–40 ปี เคยพบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกในอายุเพียง 26 ปี ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ เช่น การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย การมีคู่นอนหลายคน การสูบบุหรี่ การคลอดบุตรหลายคน รวมถึงประวัติเคยติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

        “มะเร็งปากมดลูก” เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ หากผู้หญิงทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนและการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ อย่ารอให้มีอาการ เพราะนั่นอาจหมายถึงการพบโรคในระยะที่สายเกินไป การตรวจพบเร็ว คือโอกาสในการรักษาและการรอดชีวิตที่สูงกว่า

         หากคุณหรือคนใกล้ชิดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง อย่ารอให้สายไป โรงพยาบาลพระรามเก้าขอเชิญชวนผู้หญิงทุกช่วงวัย เข้ารับการฉีดวัคซีน HPV และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ เพราะการป้องกันตั้งแต่วันนี้ คือการรักษาชีวิตและอนาคตของคุณและคนที่คุณรัก 


คลิปวิดีโอ