สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน แนะผู้บริโภคเช็กก่อนจ้าง! เปิด 7 วิธีช่วยผู้บริโภคตรวจสอบให้ครบก่อนตัดสินใจว่าจ้าง เพื่อความเชื่อมั่น น่าเชื่อถือ บ้านที่ได้มีมาตรฐาน ไม่ทิ้งงาน ตอกย้ำบทบาทเป็นศูนย์กลางความรู้และมาตรฐาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืน
ปัญหา “บริษัทรับสร้างบ้านที่ไม่ได้มาตรฐานและผู้รับเหมาทิ้งงาน” นอกจากจะทำให้การสร้างบ้านในฝันของผู้บริโภคต้องสะดุดลงแล้วยังได้สร้างความเสียหายอีกมากตามมา ทั้งความเสียหายทางการเงินเพื่อจ้างรายใหม่เข้ามาสานต่อ เพื่อแก้ไขงานเดิมที่อาจไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อเรียกร้องความเสียหาย อย่างไรก็ดีทุกอย่างสามารถป้องกันได้หากผู้บริโภครู้เท่าทันปัญหา และมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงที่ชัดเจน
นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดรับสร้างบ้านมีการแข่งขันสูงและมีผู้ประกอบการหลากหลายรูปแบบ ทั้งบริษัทขนาดใหญ่ บริษัทท้องถิ่นไปจนถึงผู้รับเหมารายย่อย แม้จะทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้บริโภคได้ หากขาดข้อมูลและการตรวจสอบที่รอบด้านก่อนตัดสินใจ
“การสร้างบ้านถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิตของคนส่วนใหญ่ ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน ควรพิจารณาให้รอบคอบ ตรวจสอบทั้งระบบการทำงาน สัญญาว่าจ้าง การบริหารงาน และผลงานที่ผ่านมา เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถส่งมอบงานได้ตามที่ตกลงไว้ และที่สำคัญให้มองลึกไปมากกว่าภาพลักษณ์ หรือการโฆษณา” นายอนันต์กร กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคพิจารณาเลือกบริษัทรับสร้างบ้านอย่างปลอดภัย ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านขอนำเสนอแนวทาง 7 ข้อ สำหรับการตรวจสอบที่รอบด้าน ก่อนตัดสินใจว่าจ้าง
1.ตรวจสอบสถานะนิติบุคคลและประวัติการดำเนินงานของบริษัท
2.ตรวจสอบว่าเป็นสมาชิกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) หรือไม่ เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้ว่า บริษัทที่เป็นสมาชิกจะได้มาตรฐานตามเกณฑ์ที่ทางสมาคมฯ กำหนดไว้ และสิ่งนี้จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีว่าจะได้บ้านที่มีคุณภาพและไม่โดนทิ้งงาน
3.สัญญาต้องเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยอ้างอิงมาตรฐานตาม “ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ปี 2569”
4.งวดงานต้องสอดคล้องกับงวดเงิน ควรชำระตามความคืบหน้างานจริง ไม่จ่ายล่วงหน้าเกินจำเป็น
5.การชำระเงินควรดำเนินการกับนิติบุคคลที่เป็นคู่สัญญาโดยตรง เพื่อให้มีเอกสารหลักฐานที่ตรวจสอบได้
6.ตรวจสอบผลงานจริงของบริษัท พร้อมขอชมบ้านตัวอย่าง หรือสอบถามลูกค้าเดิมเพื่อยืนยันคุณภาพ
7.เก็บหลักฐานทุกขั้นตอน เช่น สัญญา ใบเสนอราคา ใบเสร็จ และภาพถ่ายความคืบหน้างาน
นายอนันต์กร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และการตลาดมากขึ้น แต่สิ่งที่ควรมองให้ลึกมากไปกว่านั้น คือ ระบบบริหารงานก่อสร้าง ความรับผิดชอบ และความโปร่งใสของบริษัท เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการสำเร็จได้ตามมาตรฐาน
“สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ขอให้ผู้บริโภคใช้ข้อมูลและเหตุผลประกอบการตัดสินใจโดยตรวจสอบทุกมิติให้ครบถ้วนและรอบด้าน เพราะการเลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ มีระบบบริหารจัดการที่ดี และมีสัญญาที่ชัดเจนจะช่วยลดปัญหาและสร้างความมั่นใจได้มากที่สุด” นายอนันต์กร กล่าว
โดยทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านยังคงทำหน้าที่ในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม และเป็นศูนย์กลางความรู้และมาตรฐาน สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค เพื่อให้ตลาดรับสร้างบ้านในประเทศไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
“การสร้างบ้านจึงไม่ใช่แค่เลือกแบบบ้านที่สวย แต่ต้องเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่มีระบบมาตรฐานและความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้” นายอนันต์กร กล่าวปิดท้าย