วันพฤหัสบดี ที่ 14 สิงหาคม 2568 16:58น.

DDD โชว์อัตรากำไร Q2 โตจากปีก่อน ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเดินกลยุทธ์โตต่อเนื่องพร้อมหนุนยอดขายในประเทศ

14 สิงหาคม 2025

         บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก อุปกรณ์ตกแต่งทรงผม อุปกรณ์เสริมความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เครื่องครัว รวมไปถึงสินค้าไลฟ์สไตล์ แบรนด์ดัง อาทิ SNAILWHITE, NAMU LIFE, OXE’CURE, SPARKLE, LESASHA, JASON, MAKAVELIC, EMJOI, @HOME, และแบรนด์ใหม่ล่าสุด VALERA, และ ELCHIM รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

          ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีรายได้จากการขาย 653.15 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.36 โดยมีสาเหตุหลักมาจาก

        -รายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมีรายได้ลดลงร้อยละ 20.54 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการลดลงของรายได้จากการขายต่างประเทศร้อยละ 49.77 ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ จากบริษัทร่วมทุน (Joint venture) เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย (Authorized distributor) ในบางประเทศ ส่งผลโดยตรงต่อการรับรู้รายได้จากการขาย จากเดิมรับรู้รายได้จากยอดขายจากลูกค้า (End customer) เป็นการรับรู้รายได้จากการขายให้ตัวแทนจัดจำหน่ายซึ่งเป็นราคาขายส่ง (Wholesale price)

         -อย่างไรก็ตาม การเติบโตของยอดขายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 18.61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตหลักมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมภายใต้แบรนด์ SPARKLE ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงขยายตลาดช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น

        -สำหรับรายได้จากส่วนงานธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงามมีรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสัดส่วนลดลงร้อยละ 6.51 โดยสอดคล้องกับอัตราผู้คนที่เดินทางเข้าไปใช้บริการตามห้างร้าน (Footfall traffic) ที่มีแน้วโน้มลดลงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด และมุ่งเน้นช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างสม่ำเสมอ

         ขณะที่ต้นทุนขายรวมไตรมาสที่ 2/2568 อยู่ที่ 265.04 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20 โดยสาเหตุหลักมาจากการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เต็มกำลังการผลิตของโรงงาน (Full Capacity Utilization) ส่งผลให้มีความประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) นอกจากนี้ในงวดปัจจุบันไม่มีการขายสินค้าซึ่งเป็นการขายครั้งใหญ่ (Big Lot) ในต่างประเทศ

        สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารมีมูลค่า 367.74 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยลดลงในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านการส่งเสริมการขายตามนโยบายควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กร พร้อมปรับกลยุทธ์รับการเปลี่ยนแปลงของตลาดรวมถึงการขยายช่องทางสั่งซื้อที่หลากหลายเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าอย่างทั่วถึง จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิ (Net Profit) เท่ากับ 30.47 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 4.50 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรายได้รวม

        แม้ครึ่งปีแรก ปี 2568 ภาพรวมของเศรษฐกิจทั่วโลกโลกและภายในประเทศต้องเผชิญภาวะชะลอตัวจากสงครามการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย อย่างไรก็ดีบริษัทมุ่งมั่นรักษาระดับกำไรสุทธิได้เทียบเคียงกับปีก่อน พร้อมเดินหน้าสู่การใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเชิงลึกในการสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แม่นยำและตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการบูรณาการกระบวนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพขององค์กรอย่างยั่งยืนในอนาคต


คลิปวิดีโอ