
‘บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค’ เดินหน้าตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะหุ้นเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพ (Healthcare) ชั้นนำของไทย ประกาศความสำเร็จต่อเนื่องด้วยการได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2568 ที่ระดับ “A” ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนศักยภาพการบริหารงานที่โดดเด่นทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำนวัตกรรมสุขภาพที่สร้างคุณค่าให้ผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการดูแลโลกตามแนวทางความยั่งยืน
ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC เปิดเผยว่า การที่บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับ SET ESG Ratings ในระดับ A ประจำปี 2568 ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถือเป็นเครื่องยืนยันความมุ่งมั่นของคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตบนพื้นฐานของความยั่งยืน ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นของ BLC ในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น “Green Pharma” หรืออุตสาหกรรมยาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ท่ามกลางการเติบโตของเทรนด์สุขภาพและสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society)
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา BLC ได้มุ่งให้ความสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่าน 3 มิติหลัก ดังนี้
1) มิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) บริษัทฯ เดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) โดยประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมเดินหน้าใช้พลังงานสะอาดจาก Solar Farm ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนสูงถึง 28.32% (ข้อมูล ณ 31 ธันวาคม 2567) ของการใช้พลังงานทั้งหมด และมีแผนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm เฟส 2) อีก 1.5 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
2) มิติด้านสังคม (Social) BLC ให้ความสำคัญสูงสุดกับ “ทุนมนุษย์” โดยมีการพัฒนาศักยภาพพนักงานอย่างเข้มข้นด้วยชั่วโมงการอบรมเฉลี่ยสูงถึง 83 ชั่วโมง/คน/ปี และมุ่งเน้นความปลอดภัยในการทำงานจนบรรลุเป้าหมายอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานเป็นศูนย์ (Zero Accident) นอกจากนี้ ยังได้รับการยอมรับจากภายนอกด้วยรางวัล CSR-DIW Continuous Award ต่อเนื่อง สะท้อนการอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างเกื้อกูล โดยมีคะแนนความพึงพอใจจากชุมชนสูงถึง 91.22%
3) มิติด้านบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (Governance & Economic) บริษัทฯ มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างความมั่นคงทางยาให้กับประเทศ ล่าสุดประสบความสำเร็จในการนำผลิตภัณฑ์นวัตกรรมยาสามัญใหม่ (New Generic Drugs) ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ ยารักษาโรคเบาหวาน ที่มีการศึกษาชีวสมมูลเทียบเท่ากับยาต้นแบบ พร้อมนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่เข้าใจผู้ใช้งาน ควบคู่ไปกับการยึดมั่นในจรรยาบรรณทางธุรกิจที่โปร่งใส โดยได้รับคะแนนการประเมินการกำกับดูแลกิจการ (CGR) ในระดับ “ดีเลิศ” ระดับ 5 ดาว ประจำปี 2568
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLC กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากความสำเร็จด้านรางวัล BLC ยังเดินหน้าขยายศักยภาพการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ด้วยการก่อสร้างอาคารโรงงานผลิตยาแห่งใหม่ ซึ่งถูกออกแบบภายใต้แนวคิดโรงงานสีเขียว (Green Factory) ควบคู่ไปกับแผนการลงทุนด้านพลังงานสะอาด โดยบริษัทฯ ได้เตรียมงบประมาณ 40 ล้านบาท สำหรับโครงการ Solar Farm เฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 1.5 เมกะวัตต์ (MW) รวมถึงมีแผนติดตั้ง Solar Roof บนอาคารผลิตใหม่เพิ่มเติม เพื่อยกระดับสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนให้เพิ่มขึ้น มุ่งสู่เป้าหมายการลดการใช้พลังงานจากภายนอกลงไม่น้อยกว่า 45% ภายในปี 2569 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างยั่งยืน
“BLC วางรากฐานการเติบโตระยะยาวด้วยการบริหารจัดการความเสี่ยงรอบด้าน โดยในปีที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ ESG ที่เป็นรูปธรรม ทั้งการจัดการพลังงานสะอาด การดูแลบุคลากร และการยึดมั่นในธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในศักยภาพของ BLC”ภก.สุวิทย์ กล่าว











