วันอังคาร ที่ 18 พฤศจิกายน 2568 03:49น.

“โนเบิล” ปิดดีลขายโครงการนิว เอปิค อโศก-พระราม 9 บันทึกกำไรสุทธิไตรมาส 3 จำนวน 688 ลบ.

17 พฤศจิกายน 2025

        บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ประกาศผลการดำเนินงานโดดเด่นรอบ 3 เดือน ไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิรวม 688 ล้านบาท จากการปิดดีลขายเงินลงทุนในโครงการ นิว เอปิค อโศก–พระราม 9 ในสัดส่วน 50% ให้แก่ บริษัท สเตคเอ็กซ์ เวนเจอร์ส จำกัด รวมถึงประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตโฟลิโอ เร่งระบายสินค้า ปิดโครงการ และเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 พร้อมประกาศเดินหน้าบริหารพอร์ตโฟลิโออย่างเหมาะสม-เปิดกว้างรับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เสริมความมั่นคงทางธุรกิจในระยะยาว

          นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “NOBLE” เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจ ในประเทศยังคงอยู่ในภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลก ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศชะลอตัว ประกอบกับตัวเลขของภาคหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น อัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินสูงขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง จากปัจจัยดังกล่าวเป็นแรงกดดันต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ต้องปรับตัว ซึ่งโนเบิลได้วางกลยุทธ์รับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สะท้อนผ่านผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ที่มีกำไรสุทธิ 688 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 9 เดือนแรก 715.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 258% YoY

          ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของกำไรสุทธิในไตรมาส 3 มาจากการจำหน่ายเงินลงทุนในโครงการนิว เอปิค อโศก-พระราม 9 ภายใต้บริษัท เวอร์ติคอล พระราม 9 อัลไลแอนซ์ 1 จำกัด ให้แก่ บริษัท สเตคเอ็กซ์ เวนเจอร์ส จำกัด คิดเป็นสัดส่วน 50% และมีการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น จากการเริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส ได้แก่ โครงการ นิว อีโว อารีย์ (เริ่มโอนเดือนสิงหาคม 2568) ซึ่งช่วยสนับสนุนให้กำไรขั้นต้นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสนี้สูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์อีก 2 โครงการ คือ โครงการ โนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ (เริ่มโอนเดือนกันยายน 2568 ) และโครงการ โนเบิล ครีเอท (เริ่มโอนช่วงปลายเดือนกันยายน 2568) ส่งผลให้จะมีการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องในไตรมาส 4 โดยทั้ง 3 โครงการมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) พร้อมโอนมูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทฯ ได้ปิดโครงการไปแล้ว 3 โครงการ ได้แก่  โครงการนิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา โครงการนิว โนเบิล รัชดา-ลาดพร้าว และโนเบิล สเตท 39

          ทั้งนี้ในไตรมาส 4 บริษัทฯ จะมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มอีก 1 โครงการ คือ โครงการนิว ริเวอร์เรสต์ ราษฎร์บูรณะ คอนโดมิเนียม High Rise ทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีความคืบหน้าการก่อสร้างแล้วกว่า 98% ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีพอร์ตโครงการพร้อมขายทั้งแนวราบและแนวสูงเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า อาทิ โครงการแนวราบ ได้แก่ โครงการโนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะ, โนเบิล เทอร์รา พระราม 9 และนิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ และโครงการแนวสูงอย่างโครงการนิว คอร์ คูคต สเตชัน เป็นต้น ณ สิ้นไตรมาส 3 บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 24,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปี 2568 และต่อเนื่องไปในอนาคต

          ด้านสถานะทางการเงิน บริษัทฯ ยังคงมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรกได้ชำระคืน หุ้นกู้ครบตามกำหนด รวมถึงมีการชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินตามความคืบหน้าของการก่อสร้างที่แล้วเสร็จ ในโครงการหลักทั้ง 3 โครงการ ส่งผลให้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงมาอยู่ที่ 1.75 เท่า จาก 2.15 เท่า ณ สิ้นปี 2567 สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารโครงสร้างเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ

          นายธงชัย ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารพอร์ตโฟลิโอ อย่างเหมาะสม โดยมุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงในหลากหลายระดับราคา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในทำเลศักยภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมปรับกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ผ่านแคมเปญส่งเสริมการขายที่หลากหลาย และยังคงเดินหน้าในการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ โดยมุ่งสร้าง Synergy ร่วมกัน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และเพื่อสนับสนุนแผนการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน และเสริมความมั่นคงทางธุรกิจระยะยาว


คลิปวิดีโอ