บล.ทิสโก้คาดระยะสั้นหุ้นไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวแตะ 1,200 จุด รับเงินกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) และความคาดหวังการเจรจาการค้าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่มองเป็นจังหวะขายมากกว่าซื้อ หรือหมุนรอบเทรดดิ้งสั้นไวขึ้น
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บล.ทิสโก้มองว่าปัจจุบันดัชนีหุ้นไทย อยู่ในช่วงของการฟื้นตัวจากความหวังการเจรจาการค้าและเงินกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ ไหลเข้า แต่ Upside เริ่มจำกัดแถวระดับ 1,200 จุด โดยมองว่าในช่วงนี้เป็นจังหวะขายมากกว่าซื้อ หรือหมุนทำรอบเทรดดิ้งสั้นไวขึ้น
“การปรับขึ้นของดัชนีมาจากความหวังความคืบหน้าในการเจรจาการค้า หลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้กับนานาประเทศเพียง 10% ยกเว้นจีน และเปิดทางเจรจาเป็นเวลา 90 วันไปจนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ประกอบกับทรัมป์มีท่าทีที่อ่อนลงเกี่ยวกับการทำสงครามการค้ากับจีน เป็นผลดีต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม นอกจากนี้ หุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกจากการออกกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) นอกจากจะช่วยรองรับการไถ่ถอนเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) แล้ว จะมีเม็ดเงินใหม่ทยอยไหลเข้าในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนนี้ โดย บล.ทิสโก้ประเมินว่าจะมีเม็ดเงินย้ายจากกองทุน LTF เข้ากองทุนกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) ประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาทจากปัจจุบันที่มีกองทุน LTF คงค้างประมาณ 1.6 แสนล้านบาท และจะมีเม็ดเงินลงทุนใหม่ราว 1 หมื่นล้านบาท” นายอภิชาติกล่าว
อย่างไรก็ดี พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอ สังเกตได้จากหลายสำนักทยอยปรับลดคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจไทยลง ล่าสุด IMF ปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2568 ลงเหลือ 1.8% จากประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 2.9% เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่วนประมาณการเติบโตของ GDP ไทยปี 2569 คาดการณ์ว่าจะชะลอตัวต่อเนื่องอยู่ที่ 1.6% เท่านั้น ซึ่งเป็นการการเติบโตที่ต่ำสุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย ด้านงบไตรมาส 1/2568 ของตลาดโดยรวม (Bloomberg Consensus) คาดลดลง -9% YoY แต่เพิ่มขึ้น +17% QoQ มีกำไรสุทธิรวม 1.73 แสนล้านบาท ขณะที่แนวโน้ม SET EPS ยังมีโอกาสปรับลงต่อ โดยตั้งแต่ต้นปีนี้ คาดการณ์ SET EPS ปีนี้ และปีหน้าถูกปรับลงต่อเนื่องจาก 95.3 บาท และ 103.1 บาท เป็น 92.2 บาท และ 99.3 บาท หรือ -3.4% และ -3.7% ตามลำดับ นอกจากนี้ เป้าหมาย SET Index ของตลาดยังถูกปรับลงเช่นกันตั้งแต่ต้นปี ล่าสุดอยู่ที่ 1,415 จุด
การปรับลดลงทั้งประมาณการ GDP และ SET EPS ทำให้การฟื้นตัวของตลาดมี Upside จำกัด อย่างไรก็ดี บล.ทิสโก้มองการประกาศผลประกอบการยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นเฉพาะตัวในช่วงเดือนพฤษภาคม และด้วยความคาดหวังของตลาดค่อนข้างต่ำเกี่ยวกับการประกาศผลประกอบการในไตรมาสนี้ หากงบออกมาดีกว่าคาดน่าจะช่วยกระตุ้นราคาหุ้นปรับขึ้นได้ค่อนข้างง่าย
โดยสรุป บล.ทิสโก้มอง SET Index อยู่ในช่วงของการฟื้นตัวจากความหวังการเจรจาการค้าและเงินกองทุน Thai ESGX ไหลเข้า แต่ Upside เริ่มจำกัดแถวระดับ 1,200 จุด เป็นจังหวะขายมากกว่าซื้อ หรือหมุนทำรอบเทรดดิ้งสั้นไวขึ้น ประเด็นหุ้นที่น่าสนใจ (1) หุ้นที่คาดจะเป้าหมายกองทุน Thai ESGX โดยบล.ทิสโก้คัดเลือกจากหุ้นใน SET50 Index ที่มี ESG Rating ระดับ A ขึ้นไป กำไรเติบโต และมี Upside จากมูลค่าที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานมากกว่า 20% ขึ้นไป แนะนำ BDMS, BEM, CPALL, CPF และ GULF (2) หุ้นที่น่าเก็งงบ Q1 คาดออกมาดี YoY และ Q2 ยังมีแนวโน้มเชิงบวก ชอบ CPF, FM
และ (3) อื่น ๆ HANA (บล.ทิสโก้ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” แม้กำไรไตรมาส 1/2568 ยังอ่อนแอ YoY แต่ดีขึ้นจากที่ขาดทุน QoQ และมูลค่าหุ้นน่าสนใจ PBV เพียง 0.6x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวถึง -2SD นอกจากนี้ยังมีเงินสดในมือกว่า 3 พันล้านบาท มีโอกาสการซื้อหุ้นคืนและการจ่ายเงินปันผลพิเศษหากการการร่วมทุนกับกลุ่ม ปตท. หรือ FT1 ถูกยกเลิก) ดังนั้น หุ้นเด่นที่บล.ทิสโก้แนะนำในเดือน พ.ค. คือ BDMS, BEM, CPALL, CPF, FM, GULF และ HANA ด้านแนวรับเดือนนี้อยู่ที่ 1,155 – 1,160 จุด แนวรับต่อไปที่ 1,140 จุด และแนวต้านสำคัญเดือนนี้อยู่ที่ 1,200-1,210 จุด และ 1,250 จุด ตามลำดับ
ด้านทางเลือกการลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยผ่าน DR บล.ทิสโก้ยังชอบหุ้นจีนแต่เน้นไปในหุ้นเทคจีน และบล.ทิสโก้แนะนำกระจายการลงทุนมายังอินเดียเพิ่มซึ่งเป็นอีกประเทศที่มีการเติบโตที่สูง รวมไปถึงการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ที่มีความคืบหน้าและถูกตั้งให้เป็นฐานการผลิตใหม่แทนจีน ดังนั้น DR แนะนำของบล.ทิสโก้ในเดือนนี้ ได้แก่ CNTECH01 และ INDIA01